ผมได้รับคำถามเข้ามามากมาย จากนักลงทุนหลากหลายกลุ่มว่าจะลงทุนอย่างไรดี เมื่อไรจะได้จับเงินล้านกับเขาบ้าง วันนี้ผมอยากพูดถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่วัย 30+ ที่เพิ่งเริ่มทำงานมาได้ระยะหนึ่งแล้ว คำถามที่มีเข้ามาเสมอคือ
จริงอยู่ว่าพูดถึงเรื่องการลงทุน คนมักจะคิดถึงเรื่องของตัวเงินขึ้นมาก่อนเลยแต่จริงๆ แล้วในวัย 30+ นี้ มองไปยังมีภาพระยะไกลที่รออยู่อีกมาก ผมว่าเป็นวัยที่มีอีกหลายสิ่งที่ควรจะต้องลงทุนเพื่อสร้างแกนหลักในชีวิตที่มั่นคงก่อนนะครับ
เพราะว่าสุดท้ายเราแล้ว คุณค่าที่อยู่กับตัวเรา ไม่มีทางที่ใครหน้าไหนจะขโมยไปจากเราได้ และเราสามารถสร้างสินทรัพย์ให้เติบโตจากการลงทุนในความรู้ความสามารถของเรา ดังนั้นแม้จะเรียนจบมาและเริ่มต้นทำงานแล้วก็ไม่ควรหยุดพัฒนาตัวเอง เรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ พัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับงานของเรา โดยเฉพาะทักษะที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต จะช่วยทำให้เรามีประสิทธิภาพอยู่ตลอดเวลา
ในวัย 30+ ผมอยากให้คำนึงถึงการดูแลสุขภาพตั้งแต่วันนี้ กินอาหารดีๆ นอนหลับให้สนิท ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอคุณอาจจะคิดว่าอายุคุณยังน้อย แต่ผมเตือนไว้เลยนะครับว่า เวลามันผ่านไปเร็ว!
เพราะวัยนี้ถึงจุดที่ต้องเริ่มคัดกรองคนที่จะเข้ามาในชีวิตเราการอยู่ท่ามกลางคนที่ต้องการเห็นเราได้ดี หรือต้องการเห็นเราประสบความสำเร็จ มีทัศนคติที่เป็นบวก ให้กำลังใจซัพพอร์ตเราพยายามพูดคุยแต่ในเรื่องที่ดี พูดคุยเพื่อการเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ที่เป็นความก้าวหน้าในชีวิต
ถ้าคุณลงทุนแกนหลัก 3 อย่างนี้ก็จะช่วยสร้างพื้นฐานให้ชีวิตมีความแข็งแรง มีความพร้อมที่จะลงทุนในเรื่องการเงินให้กับตัวเองเพื่อต่อยอดความสุขสบายในอนาคตได้แล้วเอาล่ะครับถัดมาก็คือวางแผนการเงินเมื่ออายุ 30 เพื่ออนาคตจะได้จับเงินล้าน ไม่ใช่เรื่องไกลตัว
หากคุณไม่เคยลงทุนเลย สิ่งแรกสุดที่ต้องทำ คือการตั้งเวลาในแต่ละวันเพื่อเรียนรู้เรื่องการลงทุนเชื่อว่าเมื่ออายุ 30 ปี คุณจะได้ทำงานมาระดับหนึ่งแล้ว เมื่อการงานเข้าที่เข้าทาง มั่นคงระดับหนึ่งคุณควรแบ่งเวลาส่วนหนึ่งในการพัฒนาตัวเองมาพัฒนาเรื่องของการลงทุนได้ เพราะเวลานี้คุณน่าจะได้เรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตจากเพื่อนๆ รุ่นพี่ในที่ทำงานและรู้ว่าในอนาคตที่คุณจะมีอายุมากขึ้น คุณก็จะทำงานได้น้อยลง ดังนั้นคุณจะต้องใช้เงินมาทำงานแทนคุณให้มากขึ้นนั่นเอง
หากถามว่าเราควรจะแบ่งเวลาเท่าไหร่ดี ผมมองว่าการที่จะแบ่งเวลาทำอะไรที่สำคัญในชีวิตอย่างน้อยที่สุดควรจะ 1 ชั่วโมงต่อวัน คุณอาจจะอ่านหนังสือ หรือเว็บไซต์ ข่าวสารการลงทุน หรือจะฟัง Youtube ก็แล้วแต่สะดวกเลยครับ
ผมเข้าใจดีนะครับว่าหลายๆ คน พอเรียนจบปุ๊บ ช่วง 10 ปีแรกคือช่วงทำงานหาเงินเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว พอฟังเรื่องลงทุนแล้วอาจจะรู้สึกไกลตัว หลายคนมักจะมีความคิดว่าต้องมีเงินก่อน หรือเก็บเงินให้ได้สักก้อน
ถ้าเราไม่มีความรู้เนี่ยเราอาจจะเก็บเงินไว้ในธนาคารก่อนก็ได้ เพราะว่าการลงทุนโดยที่คุณไม่มีความรู้ว่ามันคือความเสี่ยง แต่เมื่อไหร่ที่คุณเริ่มใช้เวลาวันละ 1 ชั่วโมงเพื่อศึกษาหาความรู้ ผมเชื่อว่าผ่านไปไม่กี่เดือนคุณก็จะมีความรู้เพียงพอที่จะเริ่มเห็นภาพแล้วว่าการวางแผนการเงินต้องรู้อะไรบ้าง
1. เงินต้นที่จะลงทุนมีเท่าไหร่
2. ผลตอบแทนทบต้นต่อปีที่คาดหวัง
3. ระยะเวลาลงทุนตามเป้าหมายหรือตามแผนเกษียณกี่ปี
เมื่อเป้าหมายที่จะมีเงิน 1 ล้านแรก คุณก็ต้องสำรวจตัวเอง ในส่วนของเงินต้น คุณน่าจะเห็นภาพแล้วว่าสามารถลงทุนได้ประมาณเดือนละเท่าไร และจากนี้เหลือเวลาอีกกี่ปีในการทำงานหาเงิน ส่วนผลตอบแทนทบต้นที่เป็นไปได้สำหรับคนจำนวนมากคือควรจะอยู่ที่ประมาณ 8% ต่อปี เป็นระดับที่จะทำให้คุณเกษียณได้อย่างสบายใจระดับหนึ่งครับ
ทรัพย์สิน 2 อย่างที่ให้ผลตอบแทนระยะยาวประมาณ 8 - 10% ต่อปี ก็คือหุ้นกับอสังหาริมทรัพย์ ทีนี้คุณจะต้องเลือกเองว่าถนัดหรือชอบแบบไหน อย่างตัวผมเองหรือคนจำนวนมากก็เลือกลงทุนในหุ้นมากกว่า เพราะว่าการลงทุนในอสังหาฯ ต้องลงมือลงแรงหลายอย่าง ไม่ว่าจะ กู้เงิน ปล่อยเช่า คอยดูแล อาจจะวุ่นวายสำหรับคนที่มีงานประจำทำอยู่แล้ว
และในแง่สภาพคล่อง หากเกิดเหตุฉุกเฉินที่ต้องการใช้เงินภายใน 3 วัน 5 วัน หากเป็นหุ้นก็ยังสามารถขายแล้วเอาเงินมาใช้ได้ แต่อสังหาฯ ต่อให้ลดราคาลง ก็ใช่ว่าจะขายได้ทันที ได้เงินเข้ากระเป๋าทันใจ
อีกอย่างผมมอว่ายุคทองของอสังหาฯ หมดไประดับหนึ่งแล้ว เพราะว่าอสังหาฯ ดีๆ ก็มีคนซื้อไปหมดแล้ว คอนโดมีเนียมที่โลเคชั่นดีๆ ปล่อยเช่าง่ายก็เหลือน้อยแล้ว หรือที่ดินดีๆ เมื่อถูกจองไปแล้ว หมดแล้วหมดเลย ฉะนั้นยุคทองการซื้ออสังหาฯ ปล่อยเช่ามันผ่านไปแล้ว ในขณะที่การลงทุนในหุ้น คือการเอาบริษัทดีๆ เข้ามาอยู่ในตลาดหุ้น ให้เราเป็นเจ้าของส่วนหนึ่ง แต่ละวันมีหุ้นเกิดใหม่เสมอ ในยุคสมัยหนึ่งอาจจะเป็นหุ้นพลังงาน ยุคสมัยนี้กลายเป็นหุ้นดอทคอม ยุคสมัยหน้าอาจจะเป็นหุ้นเกี่ยวกับ AI หรืออะไรก็ได้ที่จะมีให้ลงทุนหมุนเปลี่ยนไปตลอดเวลา
แต่ก่อนจะลงทุนใดๆ ผมเชื่อว่าคุณต้องคุ้นเคยกับคำว่า "การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุน "
การลงทุนในหุ้นเองก็มาพร้อมกับความเสี่ยงหรือความผันผวนที่สูงมาก ยิ่งหากลงทุนในหุ้นรายตัวด้วยตัวเอง บางครั้งอาจจะทำให้เราได้ผลตอบแทน 100% ในบางปีหรือเผลอๆ บางทีอาจจะขาดทุน 50% หรือบางคนขาดทุนหมดตัวเลยก็มีให้เห็นมาแล้วเช่นกัน เรียกว่าหุ้นรายตัวก็มีความเสี่ยงที่สูงมาก แล้วเป้าหมายการสร้างผลตอบแทน 8% ต่อปีจะเป็นไปได้หรือ
สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นลงทุน ผมแนะนำว่ายังไม่ควรไปลงทุนหุ้นรายตัว แต่ควรจะเลือกลงทุนในหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงที่ดี เช่นในกองทุนรวมหรือกองทุนส่วนบุคคลที่มีการกระจายลงทุนในหุ้นในประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศ อย่างสหรัฐฯ รวมถึงมีการจัดพอร์ตที่มีการถ่วงดุลระหว่างหุ้นกับพันธบัตรด้วย เพราะต่อให้เป็นหุ้นอเมริกาที่มีการกระจายความเสี่ยงได้ดี เเต่ผมอยากให้คุณลองคิดถึงปีที่เกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงมากว่า 40%
มือใหม่ที่เจอแบบนี้ก็อาจจะช็อกก็ได้จริงไหมครับเพราะฉะนั้นหากเป็นพอร์ตที่มีการซื้อหุ้นกับพันธบัตรคู่กันไปก็จะทำให้ผลตอบแทนมันอาจจะน้อยลงบ้าง แต่ว่าความผันผวนก็น้อยลงไปด้วย ซึ่งอาจจะเหมาะคนทั่วไปมากกว่านะครับ เหมือการลงทุนใน Global ETF ที่ผมมักจะแนะนำมือใหม่หลายๆ คน ให้เริ่มลงทุนได้แบบกระจายความเสี่ยงรอบโลกเลย ทั้งหุ้นในอเมริกา หุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา รวมถึงหุ้นกู้ของบริษัทเอกชนชั้นดีเป็นอีกพันบริษัท โดยใช้หลักหลักการลงทุนที่ชื่อว่า Modern Portfolio Theory ซึ่งเป็นหลักการที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในการจัดพอร์ตทรัพย์สินต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยง ที่สำคัญยังเป็นหลักการที่ได้รางวัลโนเบลอีกด้วย มี AI คอยดูแลและปรับพอร์ตปรับน้ำหนักการลงทุนให้สัดส่วนเหมาะสม และมีการกระจายความเสี่ยงตรงตามหลักการไว้ตลอดเวลา
เพราะฉะนั้นมั่นใจได้ว่าเงินลงทุนก้อนนี้ ในระยะยาวจะค่อยๆ เติบโตขึ้น ซึ่งมือใหม่ที่ยังอยู่ในวัย 30+ เพิ่งเริ่มต้นลงทุน มีความรู้ระดับหนึ่ง ผมก็มองว่า Global ETF แผนเติบโตมีความเหมาะสม เพราะจะมีสัดส่วนของหุ้นอยู่ถึง 80% ที่เหลืออีก 20% เป็นตราสารหนี้ ซึ่งผลตอบแทนคาดหวังของแผนนี้จะอยู่ที่ประมาณ 8% ต่อปี แต่เอาเข้าจริงในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาสูงกว่าผลตอบแทนคาดหวังนะครับ ยิ่งถ้าคุณมีวินัยในการ DCA ก็จะช่วยให้ไปถึงเป้าหมายเร็วขึ้นได้ครับ
หากเลข 1 ล้านบาทเป็นเป้าหมายที่คุณต้องการ ผมจะจำลองแผนการเก็บออมให้คุณง่ายๆ ด้วยผลตอบแทนคาดหวังที่ 8%
หากคุณ DCA เดือนละ 5,000 บาท จะใช้ระยะเวลาประมาณ 11 ปี
หากคุณ DCA เดือนละ 20,000 บาท จะใช้ระยะเวลาประมาณ 3 ปี
เพียงเท่านี้คุณก็จะมีเงินออมแตะหลักล้านได้แบบสบายๆ ถือเป็นการเริ่มต้นวางแผนการเงินที่ง่าย และทำได้จริง ที่สำคัญ คุณยังมีเวลาส่วนตัวสำหรับการพัฒนาตนเอง หรือออกไปใช้ชีวิตได้ตามที่ได้จัดสรรเงินไว้ในแต่วัตถุประสงค์แล้ว การวางแผนจะช่วยให้ชีวิตคุณยืดหยุ่นได้มากขึ้นและไปถึงเป้าหมายได้อย่างไม่ต้องกังวล
อย่าลืมนะครับ ไม่ว่าจะวัยไหน การลงทุนก็สามารถเริ่มต้นได้เสมอ แต่วางแผนทางการเงิน หากทำได้ยิ่งเร็ว ก็จะยิ่งใช้เวลาน้อยเพื่อไปถึงเป้าหมายนะครับ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. จิตตะ เวลธ์ จำกัด