หุ้นไทย 2567: ฟื้นตัวได้แค่ไหน? มุมมองใหม่สู่ปี 2568

ปี 2567 ถือเป็นปีที่ตลาดทุนทั่วโลกและประเทศไทยเผชิญกับความผันผวนจากปัจจัยเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ อย่างไรก็ดี ตลาดหลักทรัพย์ไทยยังสามารถรักษาระดับการเติบโตในบางช่วง โดยเฉพาะในครึ่งปีหลัง และยังมีความหวังต่อการฟื้นตัวในปี 2568

คอนเทนต์แนะนำ

พบแล้ว ผัวเก่าบุกยิงเมียเก่าตายคาบ้าน เจอเป็นศพผูกคอตาย

มูลนิธิทนายกองทัพธรรม  แจ้งฟัน อ.เบียร์ ฅนตื่นธรรม หมิ่นมหาเถรสมาคม

นายกฯบินภูเก็ตแก้ปัญหาพื้นที่ รองรับการเติบโตท่องเที่ยว

ภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ไทยในเดือนธันวาคม 2567

• SET Index : ปิดที่ 1,400.21 จุด ในเดือนธันวาคม 2567 เพิ่มขึ้น 7.6% ในช่วงครึ่งหลังของปี
• ตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนธันวาคม SET Index ปรับลดลงเล็กน้อยเพียง 1.1%
• กลุ่มอุตสาหกรรมเด่น : กลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มการเงินเป็นกลุ่มที่ปรับตัวดีกว่า SET Index
• มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน : เดือนธันวาคม 2567 อยู่ที่ 40,704 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.8% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปี 2566
• ตลอดทั้งปี 2567 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลง 12.7% จากปี 2566 มาอยู่ที่ 46,551 ล้านบาท
• การซื้อขายของผู้ลงทุนสถาบันในประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยคิดเป็น 10% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
• บริษัทจดทะเบียนใหม่ : ใน SET: บมจ. โรงพยาบาลนครธน (NKT) และใน mai: บมจ. อินสไปร์ ไอวีเอฟ (IVF)
• ตัวชี้วัดตลาด : Forward P/E อยู่ที่ 16.0 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดเอเชียที่ 12.8 เท่า
• Historical P/E อยู่ที่ 18.8 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดเอเชียที่ 14.6 เท่า
• อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) อยู่ที่ 3.45% สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดเอเชียที่ 3.17%

ภาพรวมตลาด TFEX ในเดือนธันวาคม 2567

• ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนธันวาคมอยู่ที่ 538,570 สัญญา เพิ่มขึ้น 10.4% จากเดือนก่อน
• สำหรับปี 2567 ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 483,772 สัญญา ลดลง 9.2% จากปี 2566
• การเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายในเดือนธันวาคมมาจาก Single Stock Futures และ SET50 Index Futures

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดในปี 2567

1. เศรษฐกิจโลกและอัตราดอกเบี้ย : กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์ GDP โลกในปี 2568 จากความกังวลเรื่องความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และการแยกตัวทางเศรษฐกิจ (Decoupling)

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% แต่ส่งสัญญาณว่าการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายอาจไม่ง่ายนักในปีหน้า

2. เศรษฐกิจไทย : เศรษฐกิจไทยในปี 2567 เติบโตจากภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว และรัฐบาลนำโดยนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เปิดตัวแคมเปญ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคม

3. กลุ่มอุตสาหกรรมเด่น : การเติบโตของกลุ่มเทคโนโลยีและการเงินช่วยสนับสนุนการเคลื่อนไหวของตลาด

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชี้ว่า SET Index ในปี 2567 ปิดในระดับที่แทบไม่แตกต่างจากปีก่อนหน้า โดยตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี นอกจากนั้นนักวิเคราะห์ยังประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2567  

สำหรับปี 2568 ยังสามารถขยายตัวได้ดี นำโดยภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว แต่อาจเผชิญความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้าที่สูงขึ้น ทั้งนี้เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลในรอบ 3 เดือน และมอบนโยบายการบริหารราชการแผ่นดิน ภายใต้แคมเปญ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง 2025 Empowering Thais: A Real Possibility” โดยแบ่งนโยบายออกเป็น 2 กลุ่มหลัก รวม 11 นโยบาย ซึ่งน่าจะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อหุ้นในหลาย Sector ที่เกี่ยวข้อง

แต่ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาในปีนี้ คือ เรื่องของนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะเข้ารับตำแหน่งอยางเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม 2567 นี้ และความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้าของสหรัฐฯ

แนวโน้มปี 2568

ตลาดหลักทรัพย์ไทยยังคงมีโอกาสเติบโต โดยเฉพาะจากแรงสนับสนุนของนโยบายเศรษฐกิจภายในประเทศและความคาดหวังในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงต้องจับตามองความผันผวนที่อาจเกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินในระดับโลก

ปี 2567 อาจเป็นปีที่ท้าทายสำหรับนักลงทุน แต่แนวโน้มของเศรษฐกิจไทยและตลาดหุ้นในปี 2568 ยังมีความหวังต่อการฟื้นตัวและการเติบโตที่มั่นคงในระยะยาว