ราคาทองมักขึ้นก่อนตรุษจีน ส่วนปี 68 มีสิทธิ์ทำนิวไฮแตะ 50,000 บาท
ราคาทองคำในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้มีการปรับลดลงเล็กน้อย รายงานจากสมาคมค้าทองคำ
ราคาทองวันนี้ 28 มกราคม 2568 มีการปรับเปลี่ยน 2 ครั้ง ปรับลดลง 50 บาทต่อบาททองคำ
โดยทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 43,900 บาท ขายออก บาทละ 44,000 บาท
ทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 43,115.040 บาท ขายออก 44,500 บาท
ราคา Gold Spot 2,741 เงินบาทต่อทรอยออนซ์ เงินบาท 33.92 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
คอนเทนต์แนะนำ
สถิติราคาทองคำช่วงตรุษจีน
YLG เปิดสถิติราคาทองคำ Gold Spot ช่วงเทศกาลตรุษจีนย้อนหลังไปตั้งแต่ปี 2020 มาจนถึงปี 2024 พบว่า 6 สัปดาห์ก่อนถึงวันตรุษจีนราคา Gold Spot มีการปรับลดลง 2 ครั้งปรับเพิ่มขึ้น 3 ครั้ง ส่วนหากเป็นช่วงหนึ่งสัปดาห์หลังจากเทศกาลตรุษจีนราคาทองคำ Gold Spot ปรับลดลง 4 ครั้งและปรับเพิ่มขึ้น1ครั้ง
คุณพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ระบุว่า ราคาทองคำในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้มีความคึกคักเช่นเดียวกับตรุษจีนส่วนใหญ่ในปีที่ผ่านมา ช่วงเทศกาลตรุษจีนตลาดทองคำในเอเชียจะค่อนข้างคึกคัก เนื่องจากทองคำจะถูกใช้เป็นมอบเป็นของขวัญ และแม้ว่าราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในช่วง 1 เดือนก่อนเทศกาลตรุษจีน แต่ในช่วงเทศกาลจะมีจังหวะที่สามารถเข้าซื้อได้ โดยช่วงวันหยุดยาวของประเทศจีน (Golden Week) ที่ตลาดทองคำในจีนปิดทำการ จะทำให้ดีมานด์จากจีนหายไป ราคาจึงมักจะย่อตัวลง และถือเป็นโอกาสเข้าซื้ออีกครั้ง
คุณพวรรณ์ ให้ข้อมูลสถิติ 10 ปีที่ผ่านมา พบว่า ราคาทองคำ 6 ปีใน 10 ปี ได้ปรับตัวสูงขึ้นในช่วง 1 เดือน ก่อนที่จะถึงเทศกาลตรุษจีน โดยในปีนี้มองว่าหากผ่านช่วง Golden Week แล้วราคาปรับตัวลงอย่างจำกัด มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีกครั้ง โดยจากสถิติ พบว่า ราคาทองคำ 7 ปีใน 10 ปี จะกลับมาปรับตัวขึ้น ภายใน 3 วันหลังจากตลาดจีนกลับมาเปิดทำการ
ราคาทองปี 2568 มีสิทธิแตะ 50,000 บาท
คุณวรุฒ รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ฟิวเจอร์ จำกัด ประเมินว่า ทิศทางราคาทองคำในปี 2568 มีโอกาสทำนิวไฮติดต่อกันเป็นปีที่ส4 โดยราคาทองในประเทศมีโอกาสแต 50,000 บาทต่อบาททองคำ ส่วน Gold Spot มีโอกาสแตะ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อ ทรอยออนซ์หากว่าเงินบาทของไทยอ่อนค่าอยู่ที่ 35 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ
ปัจจัยหนุนของราคาทองคำในปี 2568 เกิดจากแรงซื้อของธนาคารกลางต่างๆที่ยังคงเก็บสะสมทองคำอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ราคาทองยังมีแนวโน้มปรับขึ้นจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะในกรณีการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐฯ นโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจส่งผลทำให้ราคาสินค้าหรือเงินเฟ้อในสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นได้
ทั้งนี้ราคาทองคำยังคงติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดในสัปดาห์นี้YLG ประเมินว่า FED จะคงดอกเบี้ยนโยบายเอาไว้ที่ระดับเดิม และอาจจะมีการลดดอกเบี้ยในช่วงปลายไตรมาส 2 ของปีนี้หรือในช่วงไตรมาสสุดท้าย สาเหตุเพราะสัญญาณเศรษฐกิจของสหรัฐยังไม่ได้ย่ำแย่ ขณะเดียวกันมีแนวโน้มที่เงินเฟ้ออาจจะสูงขึ้น ดังนั้นดอกเบี้ยนโยบายของเฟดอาจจะไม่ได้ลดลงอย่างที่คาดไว้
อย่างไรก็ตามประเด็นที่ต้องติดตามคือกรณีสงครามเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่อาจปะทุขึ้นอีกครั้ง ภายหลังจากกรณี DeepSeek AI สัญชาติจีนเปิดตัวออกมาและสามารถพัฒนาแชตบอต AI ในต้นทุนที่ถูกกว่าและระยะเวลาที่สั้นกว่าบริษัท AI รายใหญ่ในตลาดขณะนี้ ประเด็นนี้ YLG มองว่าอาจกระตุ้นให้สงครามการค้ารุนแรงขึ้นได้ หากมีผลต่อเงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยสูง จะเป็นผลต่อราคาทองคำ ซึ่งต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
กลยุทธ์การลงทุนทองคำในปี 2568
คุณวรุฒ แนะนำว่า การลงทุนในทองคำสามารถช่วยกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสให้ผลตอบแทนในพอร์ตการลงทุนรวมดีขึ้น คำแนะนำของสภาทองคำโลกระบุว่า หากมีทองคำติดพอร์ตไว้ 5-7% สามารถช่วยทำให้ผลตอบแทนพอร์ตนั้นได้ดีกว่าพอร์ตที่ไม่มีทองคำเลย
โดยมองกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ แนวรับที่สามารถเข้าเก็บราคาทองคำได้หากเป็นราคา Gold Spot แนวรับอยู่ที่ 2,655 - 2,703 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
ส่วนราคาทองคำไทยอยู่ที่ 42,800 - 43,500 บาทต่อบาททองคำ
ขณะที่แนวต้าน Gold Spot อยู่ที่ 2,790 ถึง 2,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
ส่วนทองในประเทศไทย แนวต้าน 45,000 - 46,000 บาทต่อบาททองคำ
สำหรับสถิติราคาทองคำในปี 2567 มีการปรับตัวทำจุดสูงสุดใหม่ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 แล้วโดยราคาGold Spot สูงสุดที่ 2,790 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ส่วนราคาทองในประเทศสูงสุดอยู่ที่ 44,450 บาทต่อบาททองคำ ผลตอบแทนของทองคำในปี 2567 หากเป็นทองคำในประเทศ +26% ส่วน Gold Spo +27% แต่หากดูความเหวี่ยงจากจุดต่ำสุดไปถึงจุดสูงสุด ราคาทองคำในประเทศปรับตัวสูงขึ้นถึง 40% ขณะที่ Gold Spo ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 33.13%
