LinkedIn แพลตฟอร์มเครือข่ายสังคมออนไลน์สำหรับด้านการหางาน ภายใต้ Microsoft ได้ประกาศปลดพนักงานครั้งใหญ่ จำนวน 668 คน กลุ่มที่กระทบหนักสุดได้แก่ สายงานวิศวกรรม และยังมีการลดพนักงานในฝ่ายการเงินและทรัพยากรบุคคลด้วย
นับเป็นตลกร้ายที่ว่า พนักงานของ LinkedIn กำลังจะต้องใช้ LinkedIn หางานใหม่เองเสียแล้ว
เหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่สองผู้บริหารระดับสูง Mohak Shroff และ Tomer Cohen ส่งจดหมายภายในถึงพนักงานที่ได้รับผลกระทบ โดยให้เหตุผลว่าการปลดคนในครั้งนี้เป็นไปเพื่อเพิ่มความคล่องตัว เพื่อความไว้วางใจของลูกค้า และประสิทธิภาพขององค์กร หลังรายได้ของบริษัทโตเพียง 5% ในไตรมาสที่ผ่านมา สวนทางกับฐานสมาชิกที่เติบโตต่อเนื่อง แต่การเติบโตของรายได้บริษัทกลับลดลง 8 ไตรมาสต่อเนื่อง
แหล่งรายได้หลักของ LinkedIn มาจากการขายโฆษณา และเก็บค่าสมาชิกสำหรับบริการแบบพรีเมียม จากบริษัทที่ต้องการหาพนักงาน และคนหางาน โดย LinkedIn ตัดสินใจปรับโครงสร้างครั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินกิจการในปีงบประมาณ 2024 และแผนธุรกิจในระยะยาว
การปลดคนของ LinkedIn นับเป็นระลอกที่ 2ของปีนี้หลังการปลดคนครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม กระทบพนักงานฝ่ายขาย, ฝ่ายปฏิบัติงาน, และฝ่ายสนับสนุนรวมทั้งสิ้น 716 คน
การตัดสินใจของ LinkedIn ในครั้งนี้ สะท้อนอาการที่ไม่สู้ดีของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในภาพใหญ่ที่กำลังเผชิญความไม่แน่นอนของสภาพเศรษฐกิจ ซึ่งข้อมูลจากบริษัทจัดหางาน Challenger, Gray & Christmas เผยว่า ในครึ่งแรกของปี 2023 ที่ผ่านมา พนักงานสายเทคกว่า 141,516 ตำแหน่งถูกปลดจากงาน เทียบกับเพียง 6,000 ตำแหน่งในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
บริษัทแม่ของ LinkedIn อย่าง Microsoft เอง ก็ได้ใช้มาตรการรัดเข็มขัด ตัดรายจ่ายสำหรับองค์กรของตนเช่นกัน โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้ตัดสินใจปลดพนักงานกว่า 10,000 ชีวิต ซึ่งการปลดพนักงานของ LinkedIn ในครั้งนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการนี้ด้วยเช่นกัน แม้จะเห็นยอดการเติบโตของผู้ใช้ แต่หากไม่นำไปสู่กำไร ก็อาจกดดันให้บริษัทใช้มาตรการเช่นนี้ เมื่อรับมือกับสถานการณ์เศรษฐกิจดังเช่นในปัจจุบัน
ในเอกสารภายในของ LinkedIn สื่อสารชัดเจนว่า บริษัทจะช่วยเหลือพนักงานที่ได้รับผลกระทบ ในช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านเช่นนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาเหล่านี้จะได้รับการปฏิบัติด้วยความใส่ใจ และได้รับการเคารพ โดยการปลดพนักงานออกครั้งนี้ คิดเป็น 3% ของพนักงานทั้งหมดจำนวนราว 20,000 คนทั่วโลก โดย CNBC เผยว่า LinkedIn ยังคงเร่งการจ้างงานในบางภูมิภาค เช่น อินเดีย
ความมุ่งมั่นของ LinkedIn ในการปรับโครงสร้างองค์กรควบคู่ไปกับ
การจัดลำดับความสำคัญของการลงทุนของบริษัท สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่จะฝ่าฟันความท้าทายที่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีกำลังเผชิญอยู่ ณ ขณะนี้ และรักษาจุดยืนในฐานะแพลตฟอร์มชั้นนำของแวดวงเครือข่ายการเชื่อมต่อผู้คน และการหางานต่อไป