โดยข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชี้ว่านักลงทุนต่างชาติยังคงเทขายหุ้นประเทศไทยอย่างต่อเนื่องจากต้นปี นับรวมสะสมเกินกว่า 1 แสนล้านบาท แม้ว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยยังอยู่ในเส้นทางฟื้นตัวต่อเนื่องอย่างช้าๆ ผสมผสานการปรับประมาณการกำไรลงจากมุมมองนักวิเคราะห์ที่คาดสูงเกินไป ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยยังคงไร้เสน่ห์ในสายตานักลงทุนทั้งใน และต่างประเทศ แน่นอน
ทั้งนี้ ราคาหุ้นไทย ตลาดหุ้นไทย ยังคง discount จากมูลค่าพื้นฐานในสายตาผม ทำให้เรายังคงแนะนำ ไม่ลดน้ำหนักเงินลงทุนพอร์ต แต่รอปัจจัยสนับสนุนต่างๆจากมาตรการภาครัฐที่จะทยอยออกมา และเริ่มส่งผลต่อตัวเลขชัดเจนขึ้นในเชิงบวกจากนี้ในราวไตรมาส 3 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ดี การออมเงินในปัจจุบันผ่านการทำ DCA มีทางเลือกที่เพิ่มมากขึ้น และเป็นโอกาสที่ดี ที่นักลงทุนควรนำมาพิจารณาเพิ่มเติม นอกเหนือการทำ DCA ในหุ้นที่ชอบ หรือ ตลาดหุ้นไทย เท่านั้น
คำถาม และความกังวลของนักลงทุน อยาก DCA ตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งมีนวตกรรมเทคโนโลยีเพื่ออนาคต แต่กังวลว่า การเริ่มทำ DCA ในเวลานี้อาจไปติดหุ้นที่ยอดดอยของตลาดหุ้น NASDAQ ผมได้จำลองการทำ DCA โดยเปรียบเทียบระหว่างดัชนี NASDAQ และต้นทุนเงินออมผ่าน DCA ที่จุดสูงสุดของนักลงทุนโชคน้อย เทียบกับนักลงทุนที่มองเก่งผสมโชคมากที่สามารถเลือกจุดเริ่มต้นทำ DCA ที่ดัชนีฯระดับต่ำสุดพอดี
ผลของการลงทุนจากปลายปี 2021-ปัจจุบัน พบว่า การออมผ่าน DCA ของนักลงทุนทั้งสองท่านไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนักอย่างมีนัยยะ อย่างที่เราเข้าใจกัน แสดงในกราฟด้านล่าง นักลงทุนคุณโชคน้อย มีการออมเริ่มที่จุดสูงสุดของตลาด NASDAQ ในปลายปี 2021 และยังคงออมสะสมมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าตลาดหุ้น NASDAQ ปรับตัวลดลงหนักในปี 2022 ลึกสุดถึง 35% แสดงจากกราฟเส้นแดง เทียบกับนักลงทุนคุณโชคมาก ซึ่งรอจนดัชนี NASDAQ ปรับลงจนต่ำสุดเพื่อเริ่มการทำ DCA แทนจากกราฟเส้นเขียว เมื่อเวลาผ่านไป เราพบว่า การสะสมของเม็ดเงินจากท่านแรกนั้นเพิ่มต่อเนื่อง และได้ต้นทุนสะสมที่ต่ำไปด้วย ขณะที่นักลงทุนคุณโชคมาก เริ่มได้จุดต่ำสุด แต่เม็ดเงินสะสมน้อย และต้องรับกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการปรับตัวของดัชนี NASDAQ ที่ไต่ขึ้น
สรุปคือ การทำ DCA นั้นเหมาะสมกับการออมระยะยาว โดยการกำหนด Timing เริ่มต้นนั้นมีผลน้อยต่อต้นทุนในเชิงปฏิบัติ แต่ปัจจัยที่สำคัญที่ควรคำนึงมากกว่า คือ การกระจายความเสี่ยง และโอกาสสำหรับการลงทุนไปสู่ตลาดหุ้นอื่นๆ นอกเหนือจาก การลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพียงเท่านั้น หากมองอัตราผลตอบแทนย้อนหลังในหนึ่งวัฐจักรเศรษฐกิจรอบ 10 ปีที่ผ่านมา พบว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง 11.72% (หรือลดลง 23.22% รูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ) และหากเปรียบเทียบกับอัตราผลตอบแทนตลาดหุ้นสหรัฐแทนด้วยดัชนี SP500 ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงถึง 179.34% ในช่วงเวลาเดียวกัน และดัชนี NASDAQ ซึ่งอัตราผลตอบแทนสูงถึง 410.10% คงจะลบคำกล่าวที่ว่า “ลงทุนในประเทศไทยยังไม่รอดเลย จะให้ไปลงทุนต่างประเทศ คงเจ๊งไม่เป็นท่า” ได้อย่างหมดจรด เลยครับ
สำหรับนักลงทุนท่านใดอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม บล.บัวหลวง มีวิธีการลงทุนอย่างไรผ่าน DCA และออมอย่างไรให้มั่นคงระยะยาว สามารถติดต่อเบอร์โทร 02-618-1111 หรือสาขาหลักทรัพย์บัวหลวงทั่วประเทศที่ท่านสะดวก ได้เลยครับ
กราฟ ต้นทุนการออมผ่าน DCA
กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน)