ในวันนี้(14 ก.ค.) EA ได้ส่งหนังสือเชิญสื่อมวลชนแถลงข่าวด่วน! เรื่อง บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด(มหาชน) เปิดตัวบอร์ดบริหารชุดใหม่ ยืนยันปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ธุรกิจมั่นคงมีอนาคต วันที่ 15 กรกฎาคม 2567 เวลา 8.00-11.00 น. ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว
ภายหลังจากที่ ก.ล.ต.ได้กล่าวโทษผู้บริหารกับพวก จำนวน 3 ราย ปมทุจริตกว่า 3.4 พันล้านบาท เตรียมส่ง DSI-ปปง. ดำเนินคดี
สำนักงาน ก.ล.ต. เดินหน้าลุยคดีทุจริตครั้งใหญ่ในวงการพลังงานไทย โดยล่าสุดได้กล่าวโทษผู้บริหารระดับสูงของ EA ถึง 3 ราย ฐานร่วมกันทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง มูลค่าความเสียหายกว่า 3.4 พันล้านบาท ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า ก.ล.ต. เอาจริงเอาจังกับการปราบปรามการทุจริตในตลาดทุน
Spotlight จะพาผู้อ่านไปเจาะลึกถึงรายละเอียดของคดี รวมถึงขั้นตอนการดำเนินการของ ก.ล.ต. และบทลงโทษที่ผู้ถูกกล่าวโทษอาจต้องเผชิญ เพื่อให้เห็นภาพรวมของสถานการณ์และความสำคัญของการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดในตลาดทุนไทย
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เดินหน้าจัดการทุจริตครั้งใหญ่ในวงการพลังงานไทย โดยกล่าวโทษกรรมการและผู้บริหารของบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย นายสมโภชน์ อาหุนัย, นายอมร ทรัพย์ทวีกุล และนายพรเลิศ เตชะรัตโนภาส ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)
การกล่าวโทษดังกล่าวเป็นผลจากการตรวจสอบพบหลักฐานการกระทำความผิดเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่เป็นไปตามกระบวนการที่ถูกต้อง โดยบุคคลทั้งสามได้ร่วมกันทุจริตในการจัดซื้ออุปกรณ์และซอฟต์แวร์จากต่างประเทศ ผ่านบริษัทย่อยของ EA เพื่อนำไปใช้ในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงปี 2556-2558 และเป็นเหตุให้บุคคลทั้งสามได้รับผลประโยชน์โดยมิชอบเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 3,465.64 ล้านบาท
พฤติการณ์การกระทำความผิดดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และประมวลกฎหมายอาญา ก.ล.ต. จึงได้ดำเนินการกล่าวโทษบุคคลทั้งสามต่อ DSI เพื่อให้มีการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังได้แจ้งเรื่องไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดดังกล่าวด้วย
อนึ่ง การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญา ซึ่ง ก.ล.ต. จะยังคงติดตามความคืบหน้าของคดีนี้อย่างใกล้ชิด และพร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ เนื่องจากธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดดังกล่าวเกิดขึ้นในต่างประเทศ ก.ล.ต. ได้ประสานงานและได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานกำกับดูแลในต่างประเทศหลายแห่งในการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อใช้ในการดำเนินคดี
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ดำเนินการกล่าวโทษกรรมการและผู้บริหารของบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA จำนวน 3 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในข้อหาร่วมกันกระทำการทุจริต ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 311 เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดทางอาญา จึงมิอาจใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งได้ และ ก.ล.ต. ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
อนึ่ง การถูกกล่าวโทษในครั้งนี้ส่งผลให้บุคคลทั้ง 3 ราย ขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน เนื่องจากเข้าข่ายมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจ ตามประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่ กจ. 3/2560 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ถูกกล่าวโทษเป็นต้นไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
1.เหตุใดกรณีนี้จึงใช้เวลาในการดำเนินการ?
2.คดีนี้มีอายุความกี่ปี?
3.เหตุใดกรณีนี้จึงดำเนินคดีทางอาญา?
4.การกล่าวโทษในกรณีนี้ ส่งผลให้ผู้ถูกกล่าวโทษขาดคุณสมบัติในการเป็นกรรมการและผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน/บริษัทหลักทรัพย์หรือไม่?
5.โทษสูงสุดตามกฎหมายในกรณีนี้ มีอะไรบ้าง ในความผิดแต่ละมาตรา?
6.ก.ล.ต. ได้รับเบาะแสการกระทำผิด หรือ มีจุดเริ่มต้นของการดำเนินการจากที่ใด?
7.หลังจากที่ ก.ล.ต. กล่าวโทษแล้ว มีกระบวนการอย่างไรต่อไป?
ทั้งนี้ ก.ล.ต. จะติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดีและร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ เพื่อสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายในกระบวนการภายหลัง ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษแล้ว
สำหรับคดีกล่าวโทษอดีตผู้บริหาร EA ในครั้งนี้ ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของ ก.ล.ต. ในการตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในตลาดทุนอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและรักษาความเป็นธรรมในตลาดทุนไทย แม้กระบวนการทางกฎหมายจะยังคงดำเนินต่อไป แต่บทเรียนจากกรณีนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของธรรมาภิบาลและความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความยั่งยืนและความน่าเชื่อถือให้กับองค์กรในระยะยาว