โดยนายอภิชาติ จูตระกูล ประธานกรรมการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทย่อยทางอ้อมของแสนสิริ คือ Standard International Holdings, LLC. (SIH) ที่แสนสิริ ถือหุ้น อยู่ประมาณ 71% โดยถือผ่าน Sansiri (US), Inc (บริษัทย่อยทางตรง ซึ่งแสนสิริถือหุ้นทั้งหมด) และบริษัทย่อย ที่ SIH ถือหุ้นทั้งหมด ได้แก่ Standard International Ventures, LLC. ( SIV) และ Standard International Ventures, LLC. ( SI) ได้ตกลงขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ใน Standard International Management, LLC. (SIM) และ Standard International BH Investor, LLC. (Bunkhouse) ให้แก่ Hyatt Corporation และ Hyatt International Corporation
แสนสิริ คาดว่า การขายหุ้นครั้งนี้จะเสริมสร้างสถานะทางการเงินของบริษัท และนำเงินที่ได้ไปลงทุนในโครงการใหม่ๆ ตามเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ นอกจากนี้ ยังคาดว่าจะได้รับประโยชน์ในระยะยาวจากความเชี่ยวชาญและชื่อเสียงของ Hyatt ผ่านทรัพย์สินต่างๆ ของแสนสิริที่บริหารจัดการหรือได้รับสิทธิแฟรนไชส์ภายใต้ Hyatt รวมถึงความร่วมมืออื่นๆ ในอนาคต ธุรกรรมนี้มีขนาดรายการคิดเป็น 8.06% ของงบการเงินรวมของแสนสิริ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 และเมื่อรวมกับขนาดรายการขายทรัพย์สินอื่นๆ ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา จะมีขนาดรวม 8.42% ซึ่งไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 20/2551 แสนสิริเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย มีธุรกิจหลากหลายประเภท เช่น ที่อยู่อาศัย โรงแรม และธุรกิจบริการ การขายหุ้นบริษัทย่อยครั้งนี้ถือเป็นการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งสำคัญของแสนสิริ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตในอนาคต
นักวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย คาดว่า ในไตรมาศ 3/2567 คาดว่าจะสามารถบันทึกกำไรได้บางส่วน หรือมีกำไรประมาณ 0.09 บาทต่อหุ้น ซึ่งถือว่าเป็นการขายหุ้นที่สูงกว่าต้นทุน และจากที่ผ่านมามีผลขาดทุนจากการขยายการลงทุน และในเบื้องต้นคาดว่าจะส่งผลดีต่อสภาพคล่องประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท อาจจะเอาเงินไปลงทุนใหม่ๆ หรือชำระหนี้คืนหุ้นกู้ โดยรวมๆ แล้ว แนะนำซื้อ เป้าหมายที่ระดับราคา 2.06 บาทต่อหุ้น
นักลงทุนขานรับข่าวแสนสิริในการขายหุ้นครั้งนี้ เห็นได้จากราคาหุ้น SIRI ปรับขึ้นทันที เปิดตลาดหุ้น ปรับ +2.45% มาอยู่ที่ 1.67 บาทต่อหุ้น และขึ้นอย่างต่อเนื่องไปแตะที่ระดับ บวกเพิ่มขึ้น +5.52% เพิ่มขึ้น 0.09 บาทต่อหุ้น มาที่ระดับ 1.72 บาทต่อหุ้น และล่าสุด 15.50 น. ราคาหุ้น ปรับเพิ่มขึ้น +5.52% มาอยู่ที่ระดับ 1.72 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 0.09 บาทต่อหุ้น สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้