เสนาฯ เสริมแกร่งธุรกิจ จับมือ บิ๊กอสังหาฯญี่ปุ่นฮันคิว ฮันชิน (HHP) เปิดบริษัทร่วมทุนใหม่ในชื่อ “เสนา เอชเอชพี” สะท้อนความมั่นใจจากพาร์ทเนอร์ ที่พร้อมร่วมลงทุนในระยะยาว ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 422 ล้านบาท โดย บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) จะถือหุ้น 51% และ บริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป ถือหุ้น 49%
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ (ดร.ยุ้ย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) SENA กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเดินหน้าสร้างพันธมิตรในระยะยาว และยกประสิทธิภาพใน 3 ด้าน
โดยที่ผ่านมา เสนาฯ และ ฮันคิว ฮันชิน ได้เริ่มจับมือทางธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2559 ผ่านการร่วมทุน (Joint Venture) พัฒนาโครงการมามากกว่า 66 โครงการครอบคลุมครบทุกเซกเม้นท์ และกระจายอยู่ในทำเลศักยภาพทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มูลค่ารวมกว่า 83,000 ล้านบาท ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ตั้งแต่ราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท-12 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโด 54 โครงการ และแนวราบ 12 โครงการ
โดยทุกโครงการยังคงพัฒนาบนแนวคิดบ้านพลังงานเป็นศูนย์ และคอนโด โลว์คาร์บอน ที่จะเดินหน้าพัฒนา และต่อยอดให้ตอบโจทย์คนไทยมากที่สุด พร้อมผสมผสานเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ จากญี่ปุ่นเพื่อร่วมสร้าง Decarbonized Lifestyle ให้กับลูกบ้าน เช่นบ้านประหยัดพลังงาน (ZEH) และ Condo Low-Carbon
ดร.ยุ้ย มองว่า ตอนนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และเจอกับความท้าทายรอบด้าน เช่น หากย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้วในวันที่ผู้บริโภค ต่อคิว แย่งกันซื้อคอนโดจากใบกระดาษ (คอนโดที่ยังสร้างไม่เสร็จ) เพื่อต้องการล็อคห้องไว้ซื้ออยู่เอง หรือเก็งกำไร แต่ปัจจุบันผู้บริโภคยังไม่ค่อยมั่นใจกับภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มล่าง (ต่ำกว่า 3 ล้านบาท) ทำให้คนมักซื้อคอนโด หรือบ้านที่สร้างเสร็จแล้ว พร้อมอยู่ทันที ไม่ได้ซื้อจากใบกระดาษเหมือนสมัยก่อน
ทำให้ความน่าเป็นห่วงตอนนี้ อาจตกไปอยู่ที่กลุ่ม developer อสังหาฯ เช่น
ดร.ยุ้ย ยังคงมองว่า ทำเลกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ยังมีแนวโน้มเติบโตดีสำหรับการพัฒนาตลาดที่อยู่อาศัย เพียงแต่ปัจจุบันสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันเจอกับปัญหาหนี้ครัวเรือน เลยทำให้คนไทยซื้อยาก กู้ยาก รีเจ็กต์เรตสูงถึง 70% โดยสามารถแบ่งปัญหาได้ 3 สถานการณ์ นั้นก็คือ
แต่ดร.ยุ้ย คาดการณ์ว่า สถานการณ์ที่ 3 ซื้อได้ ซื้อผ่าน กู้ได้ อาจจะหมดไป หลังจากมีรัฐบาลที่ชัดเจน ฟอร์มทีม ผู้บริโภคอาจมีความมั่นใจต่อเศรษฐกิจมากขึ้น
ดร.ยุ้ย มองว่า นโยบายต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี เป็นโมเดลเหมือนที่สหราชอาณาจักร และสิงคโปร์ การปล่อยเช่า 99 ปี เท่ากับ เงินต่างชาติจะเข้ามามากขึ้น ระยะคืนทุนยาว และการปล่อยที่ดินมีอัตราที่ดีขึ้น
“เพราะปัจจุบันโมเดลอสังหาฯ ในประเทศไทยมี 3 แบบ นั้นก็คือ 1.ซื้อขาด 2.เช่า 30 ปี 3. เช่ารายเดือน แต่ถ้าบอกว่าเราบอกเค้าว่าเรามีเช่ามากกว่า 30 ปี เป็น 99 ปี มันดี มันคือการเพิ่ม option ให้ตัวเองในการทำธุรกิจ แต่มันจะดีกับการลงทุนขนาดใหญ่ เช่น เรามีที่แปลงใหญ่ เช่า 30 ปี อาจจะยังไม่ค่อยคืนทุน หรือกำไร แต่ถ้าเค้าได้ 99 ปี ก็อาจจะใช้เวลาคืนทุนได้มากกว่า เพียงแต่ว่าในเราอาจจะต้องไปดูมุมอื่น ว่ามันกระทบมากน้อยขนาดไหน และสิ่งที่ต้องคิดเลยคือ กฎหมายเปลี่ยนไปอย่างเดียวแล้วภาคการเงิน ไม่เปลี่ยนตาม มันเป็นไปไม่ได้ เช่น เงื่อนไขการปล่อยกู้ ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนตาม”