แนวโน้มราคาทอง ปรับตัวขึ้น
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำวันศุกร์ปรับตัวลง จากแรงเทขายทำกำไร หลังจากที่ราคาทองคำพุ่งก่อนหน้านี้ ขณะที่สหรัฐได้เปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 2.7% เท่ากับตลาดคาด อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง และแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ส่วนกองทุน SPDR ขายทอง 3.45 ตันจากสัปดาห์ก่อน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
สัปดาห์นี้สหรัฐจะเปิดเผยการจ้างงานภาคเอกชนทั่วประเทศเดือนก.ย. ของ ADP และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย. นอกจากนี้ติดตามการแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหลายราย
วิเคราะห์ราคาทอง
แม้ว่าวันศุกร์จะมีแรงเทขายทองคำออกมา แต่คาดว่าวันนี้จะมีแรงซื้อกลับทองคำเข้ามา ซึ่งราคาทองคำยังคงมีทิศทางขาขึ้นในระยะยาว ขณะที่สัญญาณจาก Modified Stochastic ใน Timeframe 240 นาที เริ่มเกิดเส้นตัดกันขึ้นมา ทำให้ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้
แนวโน้มราคาทอง ปรับตัวขึ้นได้ต่อ
ราคาทองปรับตัวลง (-0.15) ดอลลาร์ คิดเป็น (-0.00%)
ปิดตลาดที่ระดับ 2,656 ดอลลาร์
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทำ All-time high ต่อเนื่องที่ระดับ 2,670 ดอลลาร์ ซึ่งนักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนพ.ย. นอกจากนี้นักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่า ราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มที่แข็งแกร่งไปจนถึงปีหน้า อย่างไรก็ตามราคาทองคำปิดตลาดลดลงเล็กน้อย ซึ่งเงินดอลลาร์แข็งค่ากดดันราคาทองคำ ทั้งนี้ยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค. ดีกว่าตลาดคาด ส่วนกองทุน SPDR ถือครองทองคำเท่าเดิม
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐหลายตัว ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 2 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค. และยอดทำสัญญาขายบ้านรอปิดการขายเดือนส.ค. นอกจากนี้ติดตามการแถลงของประธานเฟด และการแถลงของประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองคำยังคงยก high และ low ต่อเนื่อง และยังทำ All-time high ต่อเนื่อง ราคาทองคำจึงยังคงมีทิศทางขาขึ้นในระยะยาว ทั้งนี้หากราคาทองคำยังเคลื่อนไหวเหนือ 2,640 ดอลลาร์ มีโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยมองเป้าหมายไว้ที่ระดับ 2,690-2,700 ดอลลาร์
แนวโน้มราคาทอง ลุ้นทำจุดสูงสุดใหม่
ราคาทองปรับตัวขึ้น +28.63 ดอลลาร์ คิดเป็น +1.08%
ปิดตลาดที่ระดับ 2,657ดอลลาร์
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
วานนี้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอลง และปัญหาทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจจากจีน จึงส่งผลกระทบให้ความต้องการทองคำในตลาดเพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าทองโลกจะปรับตัวขึ้นแรงทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ราคาทองไทยยังคงถูกกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าลงแรงจากแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผย ยอดขายบ้านใหม่ เดือน สิงหาคม ซึ่งคาดว่าจะปรับลดลงจากครั้งก่อนพอสมควร
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองคำยังคงยก high และ low ต่อเนื่อง และยังทำ All-time high ราคาทองคำจึงยังคงมีทิศทางขาขึ้นในระยะยาว หากวัดราคาเป้าหมายจากระดับ Fibonacci จะพบว่ามีแนวต้านถัดไปที่บริเวณระดับ 2,700 $ โดยราคาทองโลกอาจถูกกดดันจากแนวต้านทางจิตวิทยานี้
แนวโน้มราคาทอง ปรับตัวลงเล็กน้อย
ราคาทองปรับตัวขึ้น +6.62ดอลลาร์ คิดเป็น +0.25%
ปิดตลาดที่ระดับ 2,628 ดอลลาร์
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำผันผวน ช่วงเช้าราคาทองคำปรับตัวขึ้นทำ All-time high ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม มีแรงเทขายทองคำออกมาในช่วงบ่ายทำให้ราคาทองคำปรับตัวลงเหนือ 2,600 ดอลลาร์เล็กน้อย ก่อนจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาอีกครั้งทำให้ปิดตลาดบวก เนื่องจากสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่มีความตึงเครียดมากขึ้น โดยล่าสุดอิสราเอลได้ส่งเครื่องบินรบโจมตีพื้นที่ตอนใต้และทางตะวันออกของเลบานอน ส่วนกองทุน SPDR ถือครองทองคำเท่าเดิม
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย. โดย Conference Board ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 103.9 จาก 103.3 ในเดือนส.ค.
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองคำยังคงยก high และ low ต่อเนื่อง และทำ All-time high ต่อเนื่อง ซึ่งราคาทองคำยังคงมีทิศทางขาขึ้นในระยะยาว แต่ระยะสั้นอาจมีแรงเทขายทำกำไรออกมาบ้าง ซึ่งสัญญาณทางเทคนิคจาก Modified Stochastic ใน timeframe 240 นาทีเริ่มเกิดเส้นตัดกันลง ทำให้ราคาทองคำอาจย่อตัวลงระยะสั้น
แนวโน้มราคาทอง แรงขายทำกำไร
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำวันศุกร์ปรับตัวขึ้นแรงทำ All-time high แตะ 2,625 ดอลลาร์ จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเฟดที่เป็นขาลง ซึ่งตลาดคาดว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยอีก 0.5% รวมถึงสถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มร้อนระอุมากขึ้น จากที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้ตอบโต้โจมตีของอิสราเอลอย่างหนัก หลังจากที่อิสราเอลได้โจมตีทางอากาศด้วยการทิ้งระเบิดในพื้นที่ทางใต้ของเลบานอน ส่วนกองทุน SPDR ซื้อทอง 4.88 ตันจากสัปดาห์ก่อน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ย. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 48.6 จาก 47.9 ในเดือนส.ค. และดัชนี PMI ภาคบริการเดือนก.ย. ตลาดคาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 55.3 จาก 55.7 ในเดือนส.ค.
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองคำยังคงมีแรงซื้อที่แข็งแกร่ง และทำ All-time high ต่อเนื่อง ซึ่งแนวโน้มราคาทองคำในระยะยาวยังคงเป็นขาขึ้น แต่ระยะสั้นยังคงระวังแรงเทขาย ซึ่งอาจมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง ทำให้มีโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับตัวลงมาสู่แนวรับ 2,600 ดอลลาร์ในระยะสั้น
แนวโน้มราคาทอง Sideways
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงกลางคืนหลังจากเฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.5% สร้างแรงหนุนให้กับราคาทองคำท่ามกลางแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง แม้ว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์จะออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ UBS ยังคงมองโลกในแง่ดี คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะทะยานขึ้นไปแตะระดับ 2,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในกลางปี 2568 ขณะที่กองทุน SPDR เข้าซื้อทองคำเพิ่มอีก 1.73 ตัน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
ในส่วนของตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตามอง คืนนี้สหรัฐฯ ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ
วิเคราะห์ราคาทอง
สำหรับการวิเคราะห์ราคาทองคำ คาดว่าราคาอาจเริ่มชะลอการปรับตัวขึ้น และเคลื่อนไหวในกรอบแคบระหว่าง 2,570-2,600 ดอลลาร์ แม้ว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดตลอดกาล แต่แรงซื้อเริ่มเบาบางลง และสัญญาณทางเทคนิคจาก Modified Stochastic ก็เข้าสู่ภาวะ Overbought แล้ว
แนวโน้มราคาทอง Sideways
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
แรงเทขายทำกำไรหลังราคาทองคำทำ All-time high ต่อเนื่อง ประกอบกับเงินดอลลาร์แข็งค่าและ Bond yield เพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ นอกจากนี้ ยอดค้าปลีกเดือนตุลาคมของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าตลาดคาดก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อราคาทองคำในขณะนี้ นักลงทุนกำลังจับตาการประชุมเฟดและถ้อยแถลงของประธานเฟดในคืนนี้อย่างใกล้ชิด ขณะที่กองทุน SPDR ยังคงถือครองทองคำในปริมาณเท่าเดิม
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐฯ จะเปิดเผยข้อมูลการอนุญาตก่อสร้างบ้านและการเริ่มก่อสร้างบ้านเดือนสิงหาคม นอกจากนี้ ตลาดยังคงติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐและการแถลงของประธานเฟดอย่างใกล้ชิด
วิเคราะห์ราคาทอง
คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวทรงตัว (Sideways) ในช่วงกลางวันนี้ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 2,560-2,585 ดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ในช่วงกลางคืนราคาทองคำอาจมีความผันผวนจากผลการประชุมเฟดและถ้อยแถลงของประธานเฟด
แนวโน้มราคาทอง ปรับตัวขึ้นในกรอบแคบลง
ราคาทองปรับตัวขึ้น +18.97ดอลลาร์ คิดเป็น +0.74%
ปิดตลาดที่ระดับ 2,577 ดอลลาร์
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดใหม่ ท่ามกลางความคาดหวังเฟดลดดอกเบี้ย
แรงหนุนสำคัญของราคาทองคำมาจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากความเห็นของโจน ฟอสต์ อดีตประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ซึ่งเสนอให้เฟดลดดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมเดือนกันยายน นอกจากนี้ การเข้าซื้อทองคำเพิ่ม 7.77 ตันโดยกองทุน SPDR ยังเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ และการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ
แนวโน้มราคาทองคำ
แม้ว่าราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มขาขึ้น แต่คาดว่าการปรับตัวเพิ่มขึ้นจะเป็นไปในกรอบที่จำกัด โดยมีแนวรับที่ 2,560 ดอลลาร์ และแนวต้านที่ 2,590 ดอลลาร์ นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับการประชุมเฟดและถ้อยแถลงของประธานเฟดในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทิศทางราคาทองคำในระยะต่อไป
แนวโน้มราคาทอง เคลื่อนไหวกรอบแคบลง
ราคาทองปรับตัวขึ้น +9.9ดอลลาร์ คิดเป็น +0.39%
ปิดตลาดที่ระดับ 2,515 ดอลลาร์
Gold Spot
ราคาทองคำแท่ง
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 แต่ยังอยู่ในกรอบจำกัด Bond Yield สหรัฐฯ อายุ 10 ปี ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี ขณะที่นักลงทุนจับตาการดีเบตทางการเมืองและตัวเลขเงินเฟ้อ CPI คืนนี้ นอกจากนี้ กองทุน SPDR ยังซื้อทองคำเพิ่ม 1.72 ตัน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐฯ จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนสิงหาคม ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน และ 2.6% เมื่อเทียบรายปี
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับขึ้นเล็กน้อย แต่คาดว่าจะยังติดแนวต้านที่ $2,530 การเคลื่อนไหวในช่วงกลางวันนี้อาจแคบลงเนื่องจากนักลงทุนรอดูตัวเลขเงินเฟ้อ แนวรับ: $2,500 แนวต้าน: $2,520-$2,530
ราคาทองปรับตัวขึ้น +8.91 ดอลลาร์ คิดเป็น +0.35%
ปิดตลาดที่ระดับ 2,506 ดอลลาร์
ราคาทองปรับตัวลง (-19.01) ดอลลาร์ คิดเป็น (-0.75%)
ปิดตลาดที่ระดับ 2,497 ดอลลาร์
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นบ้างหลังจากปรับตัวลงแรงในวันศุกร์ แม้ว่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นก็ตาม นักลงทุนกำลังจับตาข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่จะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ รวมถึงการดีเบตทางการเมืองระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ และคามาลา แฮร์ริส ขณะที่กองทุน SPDR ยังคงถือครองทองคำในปริมาณเท่าเดิม
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐฯ ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ
วิเคราะห์ราคาทอง
คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวทรงตัวในกรอบแคบลง อาจยังไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านที่ 2,510 ดอลลาร์ ซึ่งควรระวังแรงเทขายบริเวณนี้ อย่างไรก็ตาม แนวรับที่ 2,480-2,485 ดอลลาร์ น่าจะยังสามารถรองรับราคาทองคำไว้ได้ ทำให้ในระยะสั้นราคาทองคำอาจเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 2,480-2,510 ดอลลาร์
แนวโน้มราคาทอง แรงขายบริเวณ 2,510
ราคาทองปรับตัวลง (-19.01) ดอลลาร์ คิดเป็น (-0.75%)
ปิดตลาดที่ระดับ 2,497 ดอลลาร์
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ในช่วงแรก ราคาทองคำพยายามปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 2,530 ดอลลาร์ แต่ไม่สามารถผ่านไปได้ จึงมีแรงเทขายออกมาจนราคาปิดต่ำกว่า 2,500 ดอลลาร์ ปัจจัยสำคัญที่กดดันราคาทองคำคือการแข็งค่าของดอลลาร์ หลังจากมีการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่อัตราการว่างงานปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.2% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ สำหรับกองทุน SPDR นั้นยังคงถือครองทองคำในปริมาณเท่าเดิม
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
สำหรับสัปดาห์นี้ นักลงทุนควรจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนสิงหาคม
วิเคราะห์ราคาทอง
จากมุมมองทางเทคนิค ราคาทองคำมีสัญญาณการปรับตัวลดลง โดยเกิด Bearish MACD และ Modified Stochastic ก็ยังคงบ่งชี้ในทิศทางขาลงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาทองคำอาจมีการฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยในช่วง 2,500-2,510 ดอลลาร์ แต่หากไม่สามารถผ่านแนวต้านนี้ไปได้ อาจมีแรงเทขายออกมาอีกครั้ง จึงแนะนำให้จับตาบริเวณ 2,510 ดอลลาร์ ซึ่งอาจเป็นจุดขายทำกำไรสำหรับนักลงทุน
แนวโน้มราคาทอง Sideways
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำมีความผันผวน โดยปรับตัวลงเข้าใกล้แนวรับที่ 2,470 ดอลลาร์ ก่อนที่จะมีแรงซื้อกลับมาหนุนให้ราคาปรับตัวขึ้นในช่วงกลางคืน และปิดตลาดในแดนบวกเล็กน้อย ปัจจัยหนุนมาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ หลังจากข้อมูลตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัครเดือนกรกฎาคมลดลงเหลือ 7.67 ล้านตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 ขณะที่กองทุน SPDR ยังคงถือครองทองคำในระดับเดิม
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐฯ จะเปิดเผยข้อมูลสำคัญ ได้แก่ การจ้างงานภาคเอกชนเดือนสิงหาคมโดย ADP คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 144,000 ตำแหน่ง จากเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 122,000 ตำแหน่ง, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ คาดการณ์ว่าจะทรงตัวที่ 231,000 ราย และดัชนี PMI คาดการณ์ว่าจะลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 51.3 จาก 51.4 ในเดือนกรกฎาคม
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองคำยังคงสร้างจุดสูงสุดและต่ำสุดใหม่ที่ต่ำกว่าวันก่อนหน้าติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ซึ่งสัญญาณทางเทคนิคจาก Modified Stochastic และ MACD ยังคงบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาลง อย่างไรก็ตาม ยังคงมีแรงซื้อกลับเข้ามาอย่างแข็งแกร่ง คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบ 2,470-2,507 ดอลลาร์สหรัฐฯ
แนวโน้มราคาทอง ฟื้นตัวเล็กน้อย
ราคาทองปรับตัวลง (-6.76) ดอลลาร์ คิดเป็น (-0.27%)
ปิดตลาดที่ระดับ 2,492 ดอลลาร์
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำมีแนวโน้มฟื้นตัวเล็กน้อยหลังจากที่ปรับตัวลดลงติดต่อกัน 3 วันทำการ โดยราคาปิดตลาดอยู่ที่ 2,492 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 6.76 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 0.27% แรงกดดันหลักมาจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งดัชนี Dollar Index แตะระดับ 101.91 แม้ว่าดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนสิงหาคมโดย ISM จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 47.2 แต่ก็ยังต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนกำลังจับตาข้อมูลแรงงานของสหรัฐฯ โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานที่จะประกาศในคืนนี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในระยะสั้น ขณะที่กองทุน SPDR ยังคงถือครองทองคำในปริมาณเท่าเดิม
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญอื่นๆ ที่ต้องติดตามในคืนนี้ ได้แก่ ดุลการค้าเดือนกรกฎาคมของสหรัฐฯ ซึ่งตลาดคาดว่าจะขาดดุล 78.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขาดดุล 73.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ยังมีตัวเลขจำนวนตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัครและยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนกรกฎาคม
วิเคราะห์ราคาทอง
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค พบว่าราคาทองคำมีโอกาสฟื้นตัวในระยะสั้นหลังจากที่ปรับตัวลดลงอย่างหนักจนใกล้แนวรับที่ 2,470 ดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม สัญญาณทางเทคนิคใน Timeframe DAY จาก Modified Stochastic และ MACD ยังคงบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาลง หากราคาทองคำไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านที่ 2,500-2,507 ดอลลาร์สหรัฐได้ อาจมีแรงเทขายออกมาอีกครั้ง
แนวโน้มราคาทอง ปรับตัวลง
ราคาทองปรับตัวลง (-3.62) ดอลลาร์ คิดเป็น (-0.14%)
ปิดตลาดที่ระดับ 2,499 ดอลลาร์
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำปิดตลาดเมื่อวานนี้ด้วยการปรับตัวลดลงเล็กน้อยที่ -0.14% สู่ระดับ 2,499 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบระหว่าง 2,490 - 2,507 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่ราคาทองคำแท่งในประเทศเคลื่อนไหวในกรอบ 40,350 - 40,550 บาท ปัจจัยสำคัญที่กดดันราคาทองคำคือการแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากที่อ่อนค่าลงมากที่สุดในรอบกว่า 1 ปี ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (Bond Yield) ที่ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่กองทุน SPDR ยังคงถือครองทองคำในปริมาณเท่าเดิม
สัญญาณทางเทคนิค
บ่งชี้ถึงแนวโน้มขาลงของราคาทองคำ โดยเกิดแท่งเทียนสีแดงติดต่อกัน และ High/Low ยังต่ำกว่าแท่งเทียนก่อนหน้า อีกทั้ง Modified Stochastic เกิด Sell Signal และ MACD ยังคงเป็น Bearish MACD ซึ่งทั้งหมดนี้สนับสนุนการปรับตัวลงของราคาทองคำ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 2,480-2,483 ดอลลาร์ ปัจจัยที่ต้องติดตาม คือดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนส.ค.ของสหรัฐ ซึ่งจะเปิดเผยคืนนี้
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองคำปรับตัวลดลงเล็กน้อยภายใต้แรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น สัญญาณทางเทคนิคบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาลง โดยมีแนวรับสำคัญที่ 2,480-2,483 ดอลลาร์สหรัฐฯ นักลงทุนควรติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะเปิดเผยในคืนนี้อย่างใกล้ชิด
แนวโน้มราคาทอง ระวังแรงเทขาย
ราคาทองปรับตัวลง (-18.02) ดอลลาร์ คิดเป็น (-0.71%)
ปิดตลาดที่ระดับ 2,502 ดอลลาร์
Gold spot
ราคาทองคำแท่ง
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำปรับตัวลดลงหลุด 2,500 ดอลลาร์ จากแรงกดดันเงินดอลลาร์แข็งค่า ซึ่ง Core PCE เดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือนตามตลาดคาด แต่เมื่อเทียบรายปีเพิ่มขึ้น 2.6% น้อยกว่าตลาดคาด ทั้งนี้ตลาดคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยเดือนก.ย. 0.25% ส่วนกองทุน SPDR ซื้อทองคำ 6.62 ตันจากสัปดาห์ก่อน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
สัปดาห์นี้สหรัฐจะเปิดเผยการจ้างงานภาคเอกชนทั่วประเทศเดือนส.ค. ของ ADP และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค. นอกจากนี้ติดตามการเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟด 12 เขต (Beige Book)
วิเคราะห์ราคาทอง
ทองคำยังมีแรงซื้อกลับเมื่อหลุด 2,500 ดอลลาร์ ทั้งนี้คาดว่าราคาทองคำอาจมีการฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย แต่อาจจะไม่มากนัก อย่างไรก็ตามให้ระวังแรงเทขายบริเวณ 2,515-2,520 ดอลลาร์ เนื่องจากสัญญาณทางเทคนิคใน Timeframe DAY จาก Modified Stochastic เกิด Sell Signal อีกครั้ง