ราคาหุ้นบริษัทกลุ่มที่ประกาศว่าจะทำเหมืองขุดบิตคอยน์ในวันนี้ปรับตัวลดลงอย่างหนักยกแพงบางบริษัทลงไปถึงระดับราคาลดลงต่ำสุด (Floor) หลังราคาบิตคอยน์เคลื่อนไหวผันผวน โดยปรับตัวลงหลุดแนวรับ 37,000 ดอลลาร์ ทำจุดต่ำสุดในรอบประมาณ 1 เดือน มาจากหลายปัจจัยลบที่กดดัน
โดยเฉพาะประเด็นปัญหาความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนที่กังวลว่าอาจพัฒนาเป็นสงครามได้ ขณะที่ Zipmex Group เคยประเมินว่าระยะกลางบิตคอยน์เป็นขาลง คาดการณ์คาดกรอบทั้งปีนี้จะผันผวนหนักระหว่าง 33,000 - 50,000 ดอลลาร์
-ราคาหุ้น บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS ปรับลดลงต่ำสุด (Floor) อยู่ที่ 221 บาท ลดลง 29.84% จากวันก่อนหน้า
-ราคาหุ้น บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ZIGA ปรับลดลงต่ำสุด (Floor) อยู่ที่ 10.20 บาท ลดลง 29.66% จากวันก่อนหน้า
-ราคาหุ้น บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AJA อยู่ที่ 0.55 บาท ลดลง 6.78% จากวันก่อนหน้า
-ราคาหุ้น บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF อยู่ที่ 1.83 บาท ลดลง 7.11% จากวันก่อนหน้า
-ราคาหุ้น บริษัท โคแมนชี่ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ COMAN อยู่ที่ 5.95 บาท ลดลง 4.80% จากวันก่อนหน้า
-ราคาหุ้น บริษัท เอสซีไอ อีเลคตริค จำกัด (มหาชน) หรือ SCI อยู่ที่ 2.18 บาท ลดลง 4.80% จากวันก่อนหน้า
-ราคาหุ้น บริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ UPA อยู่ที่ 0.54 บาท ลดลง 12.90% จากวันก่อนหน้า
ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดให้ราคาซื้อแลขายของหุ้นในแต่ละวัน สามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นสูงสุด (Ceiling) หรือลดลงต่ำสุด (Floor) ได้ไม่เกิน 30 % ของราคาปิดในวันทำการก่อน
หน้า
นักวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า หุ้นบริษัทที่ขุดเหมืองคริปโทเคอร์เรนซีมีความเสี่ยงหลายด้าน โดยแนะนำให้นักลงทุนที่สนใจหุ้นกลุ่มนี้ให้พิจารณาให้รอบครอบก่อนตัดสินใจเข้าลงทุนซื้อหุ้น ทั้งนี้ไม่ควรมองมองเพียงในประเด็นราคาของเหียญคริปโทเคอร์เรนซีเท่านั้น เนื่องจากยังมีตัวแปรปัจจัยอื่นๆ ที่สำคัญที่เข้ามามีผลกระทบ ทั้งปัจจัยการเคลื่อนของค่าเงินบาท หรือภูมิอากศของประเทศไทยที่อาจไม่เอื้อต่อการขุดเหมืองคริปโทเคอร์เรนซีเท่ากับในต่างประเทศที่เป็นเมืองหนาว
สำหรับราคาคริปโทเคอร์เรนซีก่อนหน้านี้ที่ราคาจะปรับตัวขึ้นมาอย่างร้อนแรง ขณะที่ล่าสุดสะท้อนว่าราคาของคริปโทเคอร์เรนซีสามารถผันผวนตามสถานการณ์โลกได้ด้วย ขณะที่ปัจจัยค่าเงินบาท ประเมินว่าแนวโน้มจากนี้ จะเป็นทิศทางแข็งค่า จากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวจะส่งผลให้การแปลงคริปโทเคอร์เรนซีมาเป็นเงินบาทได้มูลค่าที่ลดลง
ส่วนปัจจัยเรื่องภูมิศาสตร์ ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน ดังนั้นการใช้กำลังไฟในการขุดเงินดิจิทัลจะสูงกว่าประเทศในเมืองหนาว ซึ่งจะทำให้บริษัทที่ขุดมีต้นทุนค่าไฟที่สูงมาก
นอกจากนี้บริษัทจดทะเบียน(บจ.) ที่ประกาศจะทำธุรกิจเหมืองขุดคริปโทเคอร์เรนซี โดยส่วนใหญ่จะทำในรูปแบบร่วมทุนกับพันธมิตรไม่ได้ลงทุนเเองพียงรายเดียว ดังนนั้นกำไรที่ได้จากการขุดคริปโทเคอร์เรนซีจึงไม่ได้รับเข้ามาเต็มจำนวน ทั้งนี้มีมุมมองว่าราคาหุ้นในกลุ่มนี้ได้ปรับตัวขึ้นมามากเกินไปเมื่อเปรียบเทียบกับผลตอบแทนที่จะได้รับกลับมา
ด้านนักวิเคราะห์แห่งหนึ่ง ระบุว่า วันนี้ราคาหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวกับการขุดเหมืองบิทคอยน์ปรับลดลงอย่างหนัก หลังจากที่ในช่วงก่อนหน้านี้มีการเล่นเก็งกำไรไปมากแล้ว เนื่องจากราคาบิทคอยน์ในตลาดโลกปรับตัวลงมาตอบรับสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนที่กังวลว่าอาจพัฒนาเป็นสงครามได้ ทำให้จุดคุ้มทุนในการดำเนินการยิ่งลดลง ดังนั้นมองว่าธุรกิจไม่น่าสนใจทำให้ทั้งกลุ่มสร้างความกังวลให้นักลงทุนจึงเกิดแรงเทขายออกมา
ขณะที่เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ปีนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ออกแถลงการณ์เตือนผู้ลงทุนให้พิจารณาข้อมูลอย่างรอบคอบและระมัดระวัง ก่อนเข้าซื้อขายในหลักทรัพย์ที่ลงทุนในธุรกิจขุดเหมืองเงินดิจิทัล (Cryptocurrency Mining)
ทั้งนี้พบหุ้นที่มีการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในธุรกิจขุดเหมืองเงินดิจิทัล (Cryptocurrency Mining) มีสภาพการซื้อขายในลักษณะเก็งกำไรสูง โดยราคาหุ้น มูลค่าการซื้อขาย และอัตราการหมุนเวียนเปลี่ยนมือ (%Turnover ratio) ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากและต่อเนื่อง แม้บริษัทจดทะเบียนจะได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ไม่ได้มีข้อมูลที่สำคัญ หรือพัฒนาการที่สำคัญเพิ่มเติมจากที่เคยแจ้งมาแล้ว มีดังนี้
-บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) (ZIGA)
-บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) (JTS)
-บริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) (UPA)
-บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF)
-บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (AJA)