การเลือกตั้งกลางเทอม คือ การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในช่วงกลางวาระการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีซึ่งจะเกิดขึ้นทุกๆ 2 ปี โดยในปีนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 8 พ.ย. ซึ่งจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(House)จำนวน 435 คนที่แต่ละคนจะอยู่ในตำแหน่งวาระละ 2 ปี และสมาชิกวุฒิสภา(Senate) จำนวน 1 ใน 3 ของทั้งหมดที่มีจำนวน 100 คนที่แต่ละคนจะอยู่ในตำแหน่งวาระละ 6 ปี
ปัจจุบันพรรคเดโมแครต ครองเสียงข้างมากทั้งใน House และ Senate โดยพรรคเดโมแครต ครองเก้าอี้ใน House อยู่ 220 คน พรรครีพับลิกัน 212 คน และว่างอยู่ 7 ที่นั่ง ส่วนใน Senate พรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต ครองเก้าอี้เท่ากันที่ 50 คน แต่เนื่องจากรองประธานาธิบดีทำหน้าที่เป็นประธานวุฒิสภา และสามารถลงมติในกรณีที่ผลของการลงมติเท่ากัน ทำให้พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากเนื่องจากได้อีก 1 ที่นั่งจากนางคามาลา เดวี แฮร์ริส ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในปัจจุบัน
ในการเลือกตั้งกลางเทอมปีนี้ จะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมดจำนวน 435 คน ด้านสมาชิกวุฒิสภา จะมีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมด 35 คน (ใน 35 คนเป็นสมาชิกวุฒิสภาพรรคเดโมแครตจำนวน 26 คนและพรรครีพับลิกันจำนวน 9 คน)
วันนี้ทาง YLG ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้งกลางเทอมรวมไปถึงผลการเลือกตั้งและผลกระทบของตลาดที่เป็นไปได้จากสำนักข่าวต่างประเทศ โดยรายละเอียดมีดังนี้
Scenario 1 : พรรคเดโมแครต ครองเสียงข้างมากได้ทั้งใน House และ Senate
- Scenario นี้จะถือเป็นชัยชนะที่สำคัญซึ่งจะทำให้นโยบายปัจจุบันของประธานาธิบดีไบเดนยังคงเดินหน้าต่อไป
- ดังนั้นในระยะสั้น ผลกระทบจาก Scenario นี้จะหนุนตลาดหุ้นและดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ
Scenario 2 :
เดโมแครตชนะการเลือกตั้งและครองเสียงข้างใน House ได้
ส่วนรีพับลิกันยังคงครองเสียงข้างใน Senate
-
Scenario นี้จะถือสถานการณ์ที่ท้าทายสำหรับประธานาธิบดีไบเดน ขณะที่การผลักดันนโยบายต่างๆอาจเผชิญกับอุปสรรค ทำให้แนวโน้มที่จะมีการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการคลังเพิ่มเติมจะลดลง อีกด้านหนึ่งก็ทำความวิตกเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐลดลงเช่นกัน
-
Scenario นี้จะค่อนข้างเป็นกลางต่อเศรษฐกิจ แนวโน้มการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังที่ลดลงอาจเกิดผลกระทบให้เกิดแรงขายทำกำไรในตลาดหุ้นและดอลลาร์สหรัฐแต่ไม่น่าจะมากนัก ซึ่งอาจช่วยหนุนทองคำได้บ้าง
Scenario 3 :
รีพับลิกันพลิกกลับมาชนะการเลือกตั้งและครองเสียงข้างข้างมากทั้งใน House และ Senate
- Scenario นี้รีพับลิกันมีแนวโน้มอาจจะสกัดนโยบายของประธานาธิบดีไบเดน ทำให้ประธานาธิบดีไบเดน เหลือเพียงอำนาจบริหาร (Executive Power) เท่านั้น
- สถานการณ์นี้ ไม่ถึงขนาดจะเป็นลบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เพิ่มสูงขึ้นอาจทำให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นเผชิญกับแรงขายมากกว่าที่อาจเกิดขึ้นจาก Scenario 2
ผลโพลล์ล่าสุดเป็นอย่างไร
ผลโพลส่วนใหญ่บ่งชี้ว่าพรรคเดโมแครตกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก และมีความเป็นไปได้ที่จะสูญเสียเก้าอี้ Senate ให้แก่รีพับลิกัน แม้พรรคเดโมแครตมีแนวโน้มมากกว่าที่ยังคงครองเสียงข้างมากใน House ล่าสุดโพลของ New York Times/Siena College ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา พบว่า 49% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งกล่าวว่าพวกเขาวางแผนที่จะลงคะแนนให้พรรครีพับลิกันเพื่อเป็นตัวแทนของพวกเขาในสภาคองเกรสในวันที่ 8 พ.ย. เทียบกับ 45% ที่วางแผนจะลงคะแนนให้พรรคเดโมแครต แต่กระนั้นถือว่าโพลยังคงคู่คี่สูสีกันเป็นอย่างมาก
ดังนั้นจึงถือได้ว่าการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ยังมีความไม่แน่นอนสูงจึงแนะนำนักลงทุนติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐอย่างใกล้ชิด
ที่มาข้อมูล : https://www.morganstanley.com/ และ https://edition.cnn.com/election/2022 และhttps://www.nytimes.com/2022/10/17/us/politics/republicans-economy-nyt-siena-poll.html