อุตสาหกรรมเทคแข่งขันกันดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ นับได้ว่าไม่มีใครยอมใครแล้ววินาทีนี้ โดยเฉพาะกับชิปเซมิคอนดักเตอร์และ AI ที่หลายบริษัทเทคต่างแข่งกันพัฒนา รวมไปถึงความต้องการของ Generative AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทั้งหมดนี้สะท้อนได้จากผลประกอบการในไตรมาสที่ผ่านมา
ล่าสุด NVIDIA บริษัทผลิตชิป AI สัญชาติอเมริกันยักษ์ใหญ่ ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกประจำปีงบประมาณ 2025 สิ้นสุดวันที่ 28 เม.ษ. 2024 พบว่า รายได้อยู่ที่ 26,044 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 949,303 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้นสูงถึง 262% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา
ในขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 14,881 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 542,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากไตรมาสก่อนหน้า หรือพุ่งขึ้นทะลุ 628% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา ทำให้กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 5.98 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากเพียง 0.82 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นมา 629%
Jensen Huang ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ NVIDIA กล่าวในรายงานผลประกอบการว่า การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งต่อไปได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว บริษัทและประเทศต่างๆ กำลังร่วมมือกับ NVIDIA เพื่อเปลี่ยนดาต้าเซ็นเตอร์มูลค่าล้านล้านดอลลาร์แบบเดิม สู่การสร้างศูนย์ข้อมูลแบบใหม่ ‘AI Factories’ เพื่อผลิต AI ซึ่งจะทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างมากในเกือบทุกอุตสาหกรรม และช่วยให้บริษัทต่างๆ ประหยัดต้นทุนและประหยัดพลังงานมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ขยายโอกาสในการสร้างรายได้ด้วย
ซึ่งรายได้ที่พุ่งขึ้นสูงขนาดนี้ มาจากรายได้ของดาต้าเซ็นเตอร์ 22,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 824,670 ล้านบาท ที่เพิ่มขึ้นถึง 427% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีทีผ่านมา ส่วนหนึ่งมาจากการเปิดตัวชิป GPU ‘Blackwell’ ที่ขับเคลื่อนการประมวลผล AI ยุคใหม่ด้วยขนาดล้านล้านพารามิเตอร์และ DGX SuperPOD™ ที่ขับเคลื่อนโดย Blackwell สำหรับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Generative AI
โดยการเติบโตของดาต้าเซ็นเตอร์ของ NVIDIA ได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่แข็งแกร่งและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วสำหรับการฝึกอบรม Generative AI ซึ่งนอกเหนือจากการเป็นผู้ให้บริการคลาวด์แล้ว Generative AI ได้ขยายไปยังบริษัทอินเทอร์เน็ตสำหรับผู้บริโภค องค์กรต่างๆ อุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ ทำให้เกิดตลาดแนวดิ่งที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
ซึ่ง NVIDIA ได้ขยายความร่วมมือกับ AWS, Google Cloud, Microsoft และ Oracle เพื่อพัฒนานวัตกรรม AI เชิงสร้างสรรค์ และทำงานร่วมกับ Johnson & Johnson MedTech เพื่อนำความสามารถด้าน AI มาสนับสนุนการผ่าตัด
ส่วนรายได้จากเกมมิ่งและ AI PC อยู่ที่ 2.6 พันลานดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 94,870 ล้านบาท ลดลง 18% จากช่วงเดียวกันปีก่อน รายได้จาก Professional Visualization ลดลง 45% จากปีก่อนเช่นกัน อยู่ที่ 427 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 15,581 ล้านบาท ในขณะที่รายได้จากระบบอัตโนมัติหุ่นยนต์เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 11% จากปีก่อนมาอยู่ที่ 329 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 12,005 ล้านบาท ผลจากการเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทยานยนต์ระดับโลกที่ใช้เทคโนโลยี Generative AI ของ NVIDIA ในการพัฒนายานยนต์
นอกจากนี้ NVIDIA ยังได้ประกาศการแตกพาร์หุ้นล่วงหน้า 10 ต่อ 1 หุ้น เพื่อให้พนักงานและนักลงทุนสามารถเข้าถึงการเป็นเจ้าของหุ้นได้มากขึ้น โดยเจ้าของหุ้นสามัญแต่ละรายจะได้รับหุ้นสามัญเพิ่มจำนวน 9 หุ้น ณ เวลาปิดตลาดในวันที่ 6 มิ.ย. 2024 ซึ่งจะจำหน่ายหลังปิดตลาดในวันถัดมา
ไม่เพียงเท่านี้ NVIDIA ยังประกาศเพิ่มเงินปันผลเงินสดรายไตรมาสอีก 150% จาก 0.04 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้นเป็น 0.10 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเงินปันผลที่เพิ่มขึ้นจะเทียบเท่ากับ 0.01 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้นตามเกณฑ์หลังการแตกพาร์ และจะจ่ายในวันที่ 28 มิ.ย. 2024 ให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกรายที่บันทึกไว้ในวันที่ 11 มิ.ย. 2024
ส่วนในไตรมาสถัดไปคาดว่าจะทำรายได้ 28,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1,022 ล้านบาท บวกลบ 2%
ที่มา NVIDIA Newsroom