ภาพทัศน์สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังคงอ่อนแอ แม้ว่าจะมีการดีดตัวของดัชนีตลาดหุ้นขึ้นสลับลงบ้าง แต่ปมปัญหาของการขายหุ้นนั้น ยังคงไม่ได้รับการแก้ไขทันที เพียงแต่บทบาทของหน่วยงานภาครัฐของไทยตอบสนองต่อการเสนอข้อเรียกร้องจากภาคเอกชน และนักลงทุนเพื่อรักษาสมดุล และพยายามเรียกความมั่นใจจากนักลงทุนมากขึ้น
ผมไม่แปลกใจหากเราจะยังเห็นการลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังอ่อนแอต่อไป เพราะการแก้ไขในเรื่องกองทุนเกษียณระยะยาวเพื่อลดหย่อนภาษีนั้น คงต้องรอไปถึงไตรมาสสี่ ราวเดือนกันยายนปีนี้ ซึ่งประเด็นนี้ภาคเอกชน สถาบันการลงทุนได้พยายามเรียกร้องให้กระทรวงการคลังพิจารณาต่ออายุกองทุนลดหย่อนภาษี LTF นี้มานานหลายปีก่อนกองทุนฯ เหล่านี้จะครบกำหนดขายออกได้ ทั้งนี้เพราะมองเห็นแนวโน้มการเทขายหุ้นจะออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่แปลกใจว่า ทำไมภาครัฐไม่ได้แสดงท่าทีต่อข้อเสนอดังกล่าวจนการเทขายหุ้นหลังจากผู้ถือหน่วยกองทุน LTF ได้ครบกำหนดทั้งหมดออกมาต่อเนื่องจนดัชนีตลาดหุ้นไทยเสียทรงไปแล้ว
ส่วนข้อเสนอให้หยุด การชอตหุ้นหรือยืมหุ้นมาขายชั่วคราวระยะเวลา 6 เดือน ได้รับการสนองตอบจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพียงครึ่งเดียว คือ ห้ามชอตเซลหุ้นนอกรายชื่อใน SET-100 แต่ยังให้การชอตเซลหุ้นมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ดำเนินต่อไป
ข้อเสนอให้พิจารณายกเลิกการอนุญาตให้มีโปรแกรมซื้อขายความถี่สูง หรือ High Frequency Trade (HFT) นั้นต้องรอพิจารณาจากข้อมูลเพื่อตัดสินใจในการประชุมในอนาคต ซึ่งประเด็นนี้ทำให้นักลงทุนทั่วไปมองว่า การทำงานของ HFT นั้น ไม่มีประโยชน์กับนักลงทุน และไม่เป็นธรรมเรื่องการ execution
สำหรับมุมมองการลงทุน ผมยังคงแนะให้กระจายเงินลงทุนไปสู่ตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีใหม่จากจีน เนื่องจากตลาดหุ้นไทยขาดแคลน และนักลงทุนจะได้ประโยชน์ส่วนลด valuation discount อย่างมาก เมื่อเทียบกับบริษัทเทคโนโลยีของฝั่งสหรัฐ ขณะที่กำไรของบริษัทเหล่านี้ได้ปรับตัวดีขึ้นแม้ว่ารัฐบาลจีนไม่ได้สนับสนุนมากเท่าไรนัก แต่หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐ คุณโดนัลด์ ทรัมป์ กำหนดนโยบายกีดกันการค้า และกำหนดมาตรการจำกัดการพัฒนาของบริษัทเทคโนโลยีจีนอย่างเต็มตัว ท่าทีของรัฐบาลจีนล่าสุดได้มีการสนับสนุนบริษัทเทคโนโลจีนอย่างเปิดเผยต่อสาธารณชน ซึ่งเรามองว่าเป็น positive catalyst สำหรับนักลงทุนต่อหุ้นกลุ่มนี้
ดังนั้น ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์บัวหลวง หน่วยงาน Wealth Research ได้มีการปรับน้ำหนักการลงทุนสำหรับหุ้นเทคโนโลจีนเพิ่มขึ้นในพอร์ตจัดสรรเงินลงทุน ซึ่งเป็นโอกาสที่เราน่าจะได้ประโยชน์จากเม็ดเงินไหลเข้าหุ้นกลุ่มนี้ (อ่านได้ในรายงานพิเศษ การจัดสรรสินทรัพย์ลงทุน ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ในเว็บไซด์หลักทรัพย์บัวหลวง) ซึ่งหุ้นเทคฯจีน
หลายบริษัทมีค่าพีอี เทียบเท่าใกล้เคียงค่าพีอี ตลาดหุ้นไทย แต่อนาคตหุ้นที่เราลงทุนจะสัมพันธ์ไปกับการพัฒนา AI และ Cloud Development ระดับโลก สำหรับการลงทุนที่ง่ายมากสำหรับนักลงทุน คือ การลงทุนผ่าน DR คือ CNTECH01
ซึ่งจะเป็นตะกร้าหุ้นเทคฯจีนใหญ่หลายบริษัท อาทิ XIOAMI CORP, TENCENT HOLDING, ALIBABA GROUP, JD.COM, MEUTUAN เป็นต้น
กราฟ อัตราผลตอบแทนระหว่าง CNTech-01 vs SET ย้อนหลัง 12 เดือน