โดยไตรมาส 1/ 2567 พบว่า ในภาพรวมรายได้และกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากกว่างวดเดียวกันของปีก่อน และธุรกิจการเงินได้รับผลบวกจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน บริษัทจดทะเบียนใน SET มียอดขาย 4,398,203 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.6% ต้นทุนการผลิตปรับเพิ่มขึ้น 3.1% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มสูงขึ้น 6.8%
ดังนั้น ส่งผลให้บริษัทจดทะเบียนมีกำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core profit) 466,858 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 264,805 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.2% และ 1.7%
สำหรับฐานะการเงินของกิจการ ณ 31 มีนาคม 2567 บจ. ไทยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน หรือ D/E ratio (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) คงที่อยู่ที่ระดับ 1.52 เท่า
ด้านผลการดำเนินงานของ บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ไตรมาส 1 ปี 2567 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มียอดขายรวม 54,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.2% ต้นทุนการผลิต และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร เพิ่มขึ้น 6.7% และ 6.4% ส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 5,259 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 4,607 ล้านบาท
“ภาพรวมผลประกอบการดีขึ้นจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวส่งผลให้ธุรกิจการบริการและที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวมีกำไรดีขึ้น เช่น ธุรกิจโรงแรม การบิน พื้นที่เช่า ค้าปลีก และโทรคมนาคม ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งให้ผลประกอบการของธุรกิจการเงินเติบโต แต่อาจกดดันต้นทุนทางการเงินต่อธุรกิจอื่นๆ” นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ จากบริษัทจดทะเบียน จำนวน 816 บริษัท คิดเป็น 98.31% จากทั้งหมด 830 บริษัท (รวม SET และ mai ที่มีกำหนดส่งงบการเงิน ณ สิ้นงวด 31 มีนาคม 2567 และไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน) นำส่งผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 พบว่ามี บจ. รายงานกำไรสุทธิ 646 บริษัท คิดเป็น 79.17% ของ บจ. ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด