การเงิน

วิกฤตคนไทยกว่าครึ่ง มีเงินเก็บไม่ถึง 2 แสน เสี่ยงลำบากตอนแก่แก้อย่างไร

18 ต.ค. 67
วิกฤตคนไทยกว่าครึ่ง มีเงินเก็บไม่ถึง 2 แสน เสี่ยงลำบากตอนแก่แก้อย่างไร

มีเงินออมไม่ถึง 2 แสนบาท คือ สถานการณ์ทางการเงินของคนไทยกว่าครึ่งประเทศ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนภัย บ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่จะต้องเผชิญกับปัญหาทางการเงิน และ ความยากลำบาก ในวัยเกษียณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุคที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ "สังคมสูงวัยขั้นสุดยอด" ซึ่งจะมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปเกินกว่า 28% ในปี 2572

วิกฤตคนไทยกว่าครึ่ง มีเงินเก็บไม่ถึง 2 แสน เสี่ยงลำบากตอนแก่แก้อย่างไร

วิกฤตคนไทยกว่าครึ่ง มีเงินเก็บไม่ถึง 2 แสน เสี่ยงลำบากตอนแก่แก้อย่างไร

ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ โดยคาดการณ์ว่าในปี 2572 ประเทศไทยจะเข้าสู่ "สังคมสูงวัยขั้นสุดยอด" ซึ่งมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปเกินกว่า 28% อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงวัย คือ ภาวะ "เงินออมไม่เพียงพอ" ที่อาจนำไปสู่ปัญหาทางการเงินในอนาคต

ข้อมูลจาก "ดัชนีความพร้อมเพื่อการเกษียณ" (NRRI) ของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้ให้เห็นว่า คนไทยมี "ความพร้อมด้านการเงิน" ต่ำกว่า 40% สอดคล้องกับผลสำรวจของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ระบุว่า 30% ของประชากรไทย ไม่มีเงินออมสำหรับวัยเกษียณ และอีก 60% แม้จะมีเงินออม แต่ก็มีจำนวน "ไม่ถึง 200,000 บาท" ซึ่งถือว่าไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพหลังเกษียณ

สถานการณ์ดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงที่ประชาชนจำนวนมาก อาจต้องเผชิญกับปัญหาทางการเงิน เมื่อเข้าสู่วัยเกษียณ ดังนั้น การวางแผนทางการเงิน และการออมเงินอย่างเป็นระบบ จึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่ควรได้รับการส่งเสริมและสนับสนุน เพื่อให้ประชาชนสามารถ "เกษียณอายุอย่างมีคุณภาพ" และมีความมั่นคงทางการเงิน ในระยะยาว

วางรากฐานมั่นคงสู่อนาคต เหตุผลแห่งการออมเพื่อวัยเกษียณสำหรับคนรุ่นใหม่

แม้ในปัจจุบัน วัยเกษียณอาจดูห่างไกลสำหรับคนวัยทำงาน แต่การเริ่มต้นออมตั้งแต่วันนี้ คือ กลยุทธ์สำคัญในการสร้างหลักประกันทางการเงิน และ ยกระดับคุณภาพชีวิตหลังเกษียณอายุ เปรียบเสมือนการลงทุนระยะยาว ที่ให้ผลตอบแทนอันคุ้มค่า โดยมีเหตุผลสนับสนุน ดังนี้

  • เพิ่มพูนศักยภาพการสะสมเงินทุน: การเริ่มต้นออมตั้งแต่อายุยังน้อย ย่อมมีระยะเวลาในการสะสมเงินทุนที่ยาวนานกว่า ซึ่งช่วยลดภาระการออมในแต่ละเดือน และเพิ่มโอกาสในการบรรลุเป้าหมายทางการเงิน ที่ตั้งไว้สำหรับวัยเกษียณ
  • อานุภาพแห่งดอกเบี้ยทบต้น: ระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น เอื้อให้เงินออมเติบโตผ่านกลไกดอกเบี้ยทบต้น ก่อให้เกิดผลตอบแทนที่งอกเงยอย่างมีนัยสำคัญ ยิ่งเริ่มต้นออมเร็ว ยิ่งมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
  • ลดความเสี่ยงจากการเริ่มต้นออมล่าช้า: การเริ่มต้นออมเมื่ออายุมาก เช่น 50 ปีขึ้นไป จำเป็นต้องออมในอัตราที่สูง เพื่อให้มีเงินเพียงพอสำหรับการดำรงชีพหลังเกษียณ ซึ่งอาจก่อให้เกิดภาระทางการเงิน และ ส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินโดยรวม

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่เป็นตัวแปร และ ตอกย้ำถึงความจำเป็นในการออมเพื่อวัยเกษียณ ได้แก่

  • แนวโน้มอายุขัยที่ยืนยาวขึ้น: จากการคาดการณ์ขององค์การสหประชาชาติ และ เวิลด์ อิโคโนมิค ฟอรั่ม อายุขัยเฉลี่ยของประชากรโลกในปี 2050 จะอยู่ที่ 77.3 ปี และ 82.3 ปี สำหรับประชากรไทย ซึ่งบ่งชี้ถึงความจำเป็นในการเตรียมความพร้อมทางการเงิน ให้ครอบคลุมระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายที่อาจเพิ่มขึ้น ตามอายุขัย
  • ภาวะเงินเฟ้อ: อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 3% ต่อปี ส่งผลให้กำลังซื้อของเงินลดลง และ ค่าครองชีพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การออมเงินจึงเป็นกลยุทธ์สำคัญ ในการรักษามูลค่าของเงิน และ เสริมสร้างความมั่นคงทางการเงิน ในระยะยาว
  • ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ: ค่ารักษาพยาบาลมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ย 5-8% ต่อปี ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายสำคัญที่ต้องเตรียมรับมือ ในวัยเกษียณ เพื่อป้องกันภาวะ "เงินหมดก่อนวัยอันควร"

การวางแผนทางการเงิน และ การออมเพื่อวัยเกษียณอย่างเหมาะสม ตั้งแต่วัยทำงาน คือ การสร้างรากฐานที่มั่นคง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี และ อิสรภาพทางการเงิน หลังเกษียณอายุ ช่วยให้สามารถ "เกษียณสุข" ได้อย่างแท้จริง

วิธีคำนวณเงินออม เพื่อวันพักผ่อนที่ไร้กังวล

วิกฤตคนไทยกว่าครึ่ง มีเงินเก็บไม่ถึง 2 แสน เสี่ยงลำบากตอนแก่แก้อย่างไร

การวางแผนทางการเงิน เป็นก้าวสำคัญในการเตรียมความพร้อม เพื่อวัยเกษียณที่มั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประเมิน "เงินออมเป้าหมาย" ณ วันที่เราเกษียณอายุ ซึ่งสามารถคำนวณคร่าวๆ ได้ ดังนี้

  • จำนวนเงินที่ต้องการใช้ต่อเดือน x 12 เดือน x จำนวนปีที่คาดว่าจะมีชีวิตอยู่หลังเกษียณ
  • ยกตัวอย่างเช่น หากปัจจุบันคุณอายุ 35 ปี วางแผนเกษียณอายุ เมื่ออายุ 55 ปี และ ต้องการใช้เงินเดือนละ 50,000 บาท หลังเกษียณเป็นระยะเวลา 30 ปี เงินออมที่ควรมี ณ วันเกษียณ จะเท่ากับ 50,000 x 12 x 30 = 18,000,000 บาท

ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าว เป็นเพียงการประมาณการเบื้องต้น โดย ยังไม่ได้รวมผลกระทบของภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งจะทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น ในอนาคต ดังนั้น การคำนวณเงินออม จึงควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เพิ่มเติม เช่น อัตราเงินเฟ้อ ผลตอบแทนจากการลงทุน และ ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ เพื่อให้ได้ตัวเลขที่ใกล้เคียงความเป็นจริง และ สอดคล้องกับเป้าหมาย การ "เกษียณสุข" ที่ตั้งใจไว้

สถาปนาความมั่นคงแห่งวัยเกษียณ กลยุทธ์การออมและการลงทุน

การบรรลุถึงอิสรภาพทางการเงิน และ คุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน หลังพ้นวัยประกอบอาชีพ จำเป็นต้องอาศัย แผนการออม และ การลงทุนที่รอบคอบ โดยสามารถประยุกต์ใช้ กลยุทธ์ ให้สอดคล้องกับ ลักษณะอาชีพ และ เป้าหมายทางการเงิน ของแต่ละบุคคล ดังนี้

1. กลุ่มพนักงานประจำ: สูตร 12+4+2

  • กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF): ถือเป็น เครื่องมือทางการเงิน ที่มีประสิทธิภาพ ในการออมระยะยาว พร้อมสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดย เงินลงทุน สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในอัตราสูงสุด 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท (เมื่อรวมกับ เงินสะสม ในกองทุนอื่นๆ) ยกตัวอย่างเช่น การจัดสรรเงินลงทุน ในกองทุนรวมผสม KWPULTIRMF เป็นจำนวน 300,000 บาทต่อปี เป็นระยะเวลา 20 ปี ภายใต้สมมติฐาน อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 7% ต่อปี คาดการณ์ว่า จะได้รับเงินก้อนประมาณ 12.3 ล้านบาท เมื่อถึง วัยเกษียณ
  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD): ในกรณีที่ บริษัท มี กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พนักงาน สามารถสมัครเข้าเป็นสมาชิก และ ส่งเงินสะสมเข้ากองทุน ได้ตามอัตราส่วน ไม่เกิน 15% ของเงินเดือน โดย เงินสะสมดังกล่าว สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้ เช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น พนักงาน มีเงินเดือน 70,000 บาท ส่งเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 10,500 บาทต่อเดือน (126,000 บาทต่อปี) เป็นระยะเวลา 20 ปี โดยคาดหวัง อัตราผลตอบแทน 4% ต่อปี คาดการณ์ว่า จะได้รับเงินก้อนประมาณ 3.7 ล้านบาท ณ วัยเกษียณ
  • กรมธรรม์ประกันชีวิต: นับเป็น ทางเลือกที่น่าพิจารณา สำหรับผู้ที่ มุ่งหวัง "เงินก้อน" เพื่อใช้จ่าย หลังเกษียณอายุ เช่น กรมธรรม์ประกันชีวิต แบบ 80/5 ทริปเปิ้ลเงินก้อน ที่จ่ายผลประโยชน์ เป็นเงินก้อน จำนวน 3 ครั้ง (เมื่อผู้เอาประกันภัย มีอายุ 60, 70 และ 80 ปี) หรือ กรมธรรม์ประกันชีวิต แบบบำนาญ A85/5 ที่จ่ายผลประโยชน์ เป็นเงินบำนาญรายปี ตั้งแต่อายุ 55 - 85 ปี โดย ผู้เอาประกันภัย สามารถเลือก รูปแบบ และ ทุนประกันภัย ให้สอดคล้องกับ วัตถุประสงค์

2. กลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ สูตร 16+2

  • กองทุนรวม: ผู้ประกอบอาชีพอิสระ มีอิสระ ในการเลือกลงทุน ในกองทุนรวม ประเภทต่างๆ ตาม ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เช่น กองทุนรวมผสม K-WPULTIMATE โดย จัดสรรเงินลงทุน 33,000 บาทต่อเดือน (400,000 บาทต่อปี) เป็นระยะเวลา 20 ปี ภายใต้สมมติฐาน ผลตอบแทนเฉลี่ย 7% ต่อปี คาดการณ์ว่า จะได้รับเงินก้อน ประมาณ 16 ล้านบาท เมื่อถึง วัยเกษียณ
  • กรมธรรม์ประกันชีวิต หรือ กรมธรรม์ประกันชีวิตแบบบำนาญ: เป็น เครื่องมือทางการเงิน ที่ช่วย เสริมสร้างความมั่นคง และ สภาพคล่องทางการเงิน หลังเกษียณอายุ โดย ผู้เอาประกันภัย สามารถเลือก รูปแบบ ให้สอดคล้องกับ ความต้องการ เช่น กรมธรรม์ประกันชีวิต แบบ 85/5 High Return ที่จ่ายผลประโยชน์ เป็นเงินคืนรายปี จนถึงอายุ 84 ปี และ จ่ายผลประโยชน์ เป็นเงินก้อน เมื่อครบกำหนดสัญญา ตอนอายุ 85 ปี

หลักการสำคัญ สู่ วัยเกษียณที่มั่นคง

  • ตระหนัก ใน ความสำคัญ ของการออม: การเริ่มต้นออม ตั้งแต่อายุยังน้อย ย่อม ส่งผลดี ต่อ การสะสมเงินออม
  • ประเมิน เงินออมเป้าหมาย: การคำนวณ เงิน ที่คาดว่าจะใช้จ่าย หลังเกษียณอายุ เป็น พื้นฐานสำคัญ ในการกำหนด แผนการออม และ การลงทุน
  • คัดเลือก รูปแบบการออม และ การลงทุน ที่เหมาะสม: พิจารณา จาก ระดับความเสี่ยง ผลตอบแทนที่คาดหวัง และ สภาพคล่อง ของ เงินลงทุน
  • ปลูกฝังวินัย ในการลงทุน: การออม และ การลงทุน อย่างสม่ำเสมอ เป็น ปัจจัยแห่งความสำเร็จ
  • ทบทวน และ ปรับปรุงแผน: การประเมินผล และ การปรับแผนการเงิน ให้สอดคล้องกับ สถานการณ์ เป็น สิ่งจำเป็น

การเตรียมความพร้อม เพื่อ วัยเกษียณ เป็น ภารกิจสำคัญ ที่ ไม่ควรมองข้าม เริ่มต้นวางแผน ตั้งแต่วันนี้ เพื่อ สร้าง อนาคตที่มั่นคง และ บรรลุถึง อิสรภาพทางการเงิน อย่างแท้จริง

ปลดล็อกชีวิตหลังเกษียณอย่างมั่นคงและสมบูรณ์แบบ

วิกฤตคนไทยกว่าครึ่ง มีเงินเก็บไม่ถึง 2 แสน เสี่ยงลำบากตอนแก่แก้อย่างไร

การเตรียมความพร้อมเพื่อวัยเกษียณ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ยิ่งเริ่มต้นเร็วเท่าไหร่ ยิ่งเพิ่มโอกาสในการสร้างความมั่นคงทางการเงิน และ คุณภาพชีวิตที่ดี หลังพ้นวัยทำงาน บทความนี้ได้นำเสนอ ภาพรวมของสถานการณ์เงินออมของคนไทย ซึ่งสะท้อนถึง ความจำเป็นเร่งด่วน ในการวางแผน และ การออม เพื่อ รับมือกับ ความท้าทาย ของสังคมสูงวัย

หัวใจสำคัญสู่วัยเกษียณที่มั่นคง

  • ตระหนักรู้: การตระหนักถึงความสำคัญของการออม เป็นก้าวแรกสู่ความสำเร็จ เพราะ "เงินออม" คือ หลักประกัน และ กุญแจสำคัญ ที่ช่วยปลดล็อก อิสรภาพทางการเงิน และ นำไปสู่ "วัยเกษียณที่ไร้กังวล"
  • วางแผนอย่างเป็นระบบ: การวางแผนทางการเงิน เป็นเสมือน "แผนที่นำทาง" สู่เป้าหมาย "เกษียณสุข" ประกอบด้วย การประเมินเงินออมเป้าหมาย การกำหนดกลยุทธ์การออมและการลงทุน และ การบริหารจัดการความเสี่ยง
  • ลงมือทำอย่างมีวินัย: การออม และ การลงทุน อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ เป็น "เคล็ดลับแห่งความสำเร็จ" ในการสร้าง ความมั่งคั่ง และ ความมั่นคงทางการเงิน ในระยะยาว เปรียบเสมือน "การปลูกต้นไม้" ที่ต้องใช้เวลา ในการดูแล และ รอคอย ผลลัพธ์อันงดงาม
  • ปรับตัวให้เท่าทัน: การทบทวน และ ปรับแผนการเงิน ให้สอดคล้องกับ สถานการณ์ และ เป้าหมายชีวิต ที่เปลี่ยนแปลงไป เป็น สิ่งสำคัญ เพื่อให้ "แผนการเงิน" ยังคง "ประสิทธิภาพ" และ ตอบโจทย์ ความต้องการ ในทุกช่วงชีวิต

วัยเกษียณ เปรียบเสมือน บทใหม่ ของชีวิต ที่เราสามารถ ออกแบบ และ กำหนดทิศทาง ได้ด้วย การวางแผน และ การลงมือทำ อย่างเหมาะสม เริ่มต้น ปลูกฝังวินัย ในการออม และ การลงทุน ตั้งแต่วันนี้ เพื่อ เก็บเกี่ยว ความสุข ความมั่นคง และ อิสรภาพ ใน วัยเกษียณ อย่างแท้จริง

advertisement

SPOTLIGHT