ปัจจุบันหลายบริษัทมีความตั้งใจที่แน่วแน่ว่าอยากให้บริษัทของตนเป็นบริษัทในฝันของมนุษย์เงินเดือน - Great Place to work ไม่ว่าจะเป็นการจัดสรรสวัสดิการที่ยอดเยี่ยม สิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียบพร้อม แผนการฝึกอบรมทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนการทำงานของพนักงานให้เกิดประสิทธิภาพและไร้รอยต่ออย่างสมบูรณ์แบบ และในเมื่อทุกอย่างมันดู Perfect ขนาดนี้ เคยสงสัยกันหรือตั้งคำถามกันหรือไม่ว่า ในขณะที่หลายบริษัทพร้อมทุ่มทุนเพื่อสร้างระบบการทำงานที่ดี หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำงานทุกอย่าง แต่บริษัทก็ยังเจอกับการลาออกของพนักงานอยู่เรื่อยๆ ไม่ลดลง หรือเพิ่มสูงขึ้นไปอีก
บทความนี้จึงอยากชวนคิดว่า ระบบการทำงานที่ดี วัฒนธรรมองค์กรที่ดี แต่หลายองค์กรก็ยังมีคนทำงาน เพื่อนร่วมงานที่ลักษณะ Toxic คนที่เป็นพิษ หรือ บทความนี้จะเรียกว่า “งูพิษ” ซึ่งคนลักษณะแบบนี้หากองค์กรไหนมีหลายคน องค์กรนั้นก็น่าจะปั่นป่วนไม่น้อย
อธิบายลักษณะผู้ที่เป็น “งูพิษ” หมายถึง คนที่มี่พิษและพร้อมคายพิษแก่บุคคลรอบข้าง ส่งผลให้เกิดความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานจากการรับพิษจากบุคคลเหล่านั้น กว่าจะรู้ตัวก็บอบช้ำเกินทน หากในออฟฟิตไม่ใช่สถานเสาวภาและหาเซรุ่มไม่ได้ทันที เราจำเป็นต้องมารู้จักงูพิษในแต่ละประเภทเพื่อตั้งรับ เอาหล่ะ เริ่ม!
นักร้อง
คนที่มักแสดงออกให้ผู้อื่นเห็นอกเห็นใจอยู่เสมอ มักร้องดังเสมอว่าฉันคือเหยื่อ ลองสังเกตดูตัวเองและเพื่อนรอบข้างว่ามักมีพฤติกรรมเป็นเช่นนั้นมากน้อยแค่ไหน ต้องแสดงออกให้ทุกคนรู้ว่าเราเป็นเหยื่อ หรือ ผู้ถูกกระทำในทุกสถานการณ์ น่าสงสาร น้ำตาต้องมา เมขลาต้องยกมงให้
นักปั่น
ในที่นี่มันไม่ได้หมายถึงการปั่นจักรยาน แต่นักปั่น หรือ Gaslighter ทีมักจะสร้างสถานการณ์ทีให้ เรารู้สึกผิดหรือเกิดความเอ๊ะ ในตัวเสมอว่า หรือทีเกิดขึ้นเป็นเราผิดจริงๆ ปั่นเรื่องเดิมเพิ่มเติมให้รู้สึก Fail และประโยคคลาสสิคที่เรามักพบเจอกับคนกลุ่มนี้เสมอคือ เขาหวังดี/ รักเลยทำแบบนี้
นักแปะ
คนที่มีพฤติกรรมแปะป้ายตัดสินคนอื่นจากความรู้สึกตัวเอง เรามักเจอตามวงสนทนา เมื่อได้ยินเรื่องราว (คนอื่น) งูพิษ มักด่วนตัดสินใจว่า คนที่อยู่ในเรื่องเล่า เป็นคนแบบนั้น แบบนี้ โดยที่พวกเขาแทบไม่เคยรู้จักเราจริงๆ หลักการง่ายๆคือรู้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องตัวเอง
นักปูด
คนที่มีพฤติกรรมเก็บความลับไม่เคยอยู่ มักรู้สึกดีเมื่อเป็นศูนย์กลางข่าวลวง มักอยู่คู่กับนักร้อง และขึ้นต้นประโยคว่า “อย่าไปบอกใครนะ” เริ่มต้นด้วยการเป็นผู้ฟังที่ดี แสดงท่าทีด้วยความเห็นใจ สุดท้ายรู้กันหมดทั้งสำนักงาน OK เมื่อเราพิจารณาได้คร่าวๆแล้วว่า ณ ปัจจุบันเราทำงานท่ามกลางดงอสรพิษหรือไม่ นี่คือ How to ฉันต้องรอด เมื่อเราต้องทำงานอยู่กับงู
วิธีรับมือคน Toxic
- แกล้งตาย ไม่ได้หมายความว่าให้นอนนิ่งเป็นผักที่ในทำงาน แต่หมายถึงให้นิ่ง และไม่ใส่ใจในเรื่องราว ลองสังเกตพฤติกรรมของงู ที่จับเหยื่อจากความร้อนและการเคลื่อนไหว ดังนั้นจิตใจที่สงบ ไม่หวั่นไหว ก็นับว่าเป็นกลยุทธ์ที่ดี ในการเลี่ยงการปะทะกับได้ดีเหมือนกัน
- ล้อมจับ ถ้าสถานการณ์จนมุมถึงที่สุด การล้อมจับงูก็ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นตอ และถอนรากถอนโคน มาพร้อมอุปกรณ์ (ข้อมูล/เหตุการณ์ ที่แสดงว่างูคายพิษ) หรือ ทีมงานคุณภาพที่มีทิศทางเดียวกันว่า เราจะไม่อยู่ร่วมกับงูแล้ว
ทั้งนี้อย่าลืมว่า หากคุณประกาศตัวเมื่อไหร่ว่าคุณจะจับงู เท่ากับว่างูจะรู้ตัวและพร้อมฉกกลับทันทีเมื่อมีโอกาส
- หนี ในกรณีที่ประเมินสถานการณ์แล้วไม่คุ้มที่จะแกล้งตายหรือ ล้อมจับ การหนีออกจากสถานการณ์เป็นพิษ ก็ถือว่าเป็นความคิดที่ไม่เลว และโปรดระลึกว่าให้หนีขณะที่ยังมีแรง และอย่าลืมว่า งู มีอยู่ในทุกพื้นที่ที่เราอยู่
กล่าวโดยสรุป หากต้องเผชิญกับงูพิษ ให้พิจารณาถึงว่าเราจะเลือกที่จะนิ่ง สู้ หรือ หนี ไม่มีบทสำเร็จรูปหรือตายตัวในแต่ละบุคคล และไม่ใช่สูตรสำเร็จว่า รอดครั้งนี้ ครั้งต่อไปก็ต้องรอด การได้เซรุ่มเพื่อถอนพิษไม่ได้แปลว่าเราจะเกิดภูมิคุ้มกันงูตัวต่อไป พิจารณาทุกการกระทำอย่างมีสติ และไม่เข้าข้างตัวเอง พึงระลึกไว้เสมอว่า เราทุกคนล้วนเป็นงูพิษในเรื่องราวของบุคคลอื่นเสมอ ดังนั้นเมื่อเรารู้ว่างูพิษมีกี่ประเภทและมีการกระทำอย่างไร โปรดใช้สติพิจารณาการกระทำของตัวเองทุกครั้งก่อนคายพิษแก่บุคคลรอบข้าง
ย้ำอีกที บทความนี้เราพูดถึงงูพิษไม่ใช่ งูเห่า