บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด มหาชน หรือ OR เผยผลประกอบการไตรมาสแรกปี 67 กำไรพุ่งกว่า 100% แตะ 3,723 ล้านบาท แรงหนุนจากธุรกิจทุกกลุ่มโดยเฉพาะธุรกิจ Lifestyle ที่มี Cafe Amazon ขับเคลื่อนยอดขาย
ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก หรือ OR ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2567 กำไรสุทธิพุ่งกว่า 100% แตะ 3,723 ล้านบาท หนุนโดยธุรกิจทุกกลุ่ม โดยเฉพาะธุรกิจ Lifestyle ที่มี Cafe Amazon ขับเคลื่อนยอดขาย
สำหรับ ธุรกิจ Cafe Amazon ล่าสุดมียอดขายรวม 99 ล้านแก้ว เพิ่มขึ้น 8.8% จากไตรมาสแรกปีก่อน ปัจจุบันมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 4,221 สาขา แบ่งเป็นสาขาในประเทศไทย 4,196 สาขา (อยู่ในสถานีบริการ 2,248 สาขา และนอกสถานีบริการ 1,948 สาขา) และสาขาในต่างประเทศ 25 สาขา (ญี่ปุ่น โอมาน เมียนมา มาเลเซีย และซาอุดีอาระเบีย)
รายการ | รายได้/กำไร |
เปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน
|
รายได้รวม | 177,867 ล้านบาท | ลดลง 7.6% |
ธุรกิจ Mobility | 163,788 ล้านบาท | ลดลง 8.6% |
ธุรกิจ Lifestyle | 5,905 ล้านบาท | ลดลง 0.5% |
ธุรกิจ Global | 12,894 ล้านบาท | เพิ่มขึ้น 10.9% |
ธุรกิจอื่นๆ | 285 ล้านบาท | เพิ่มขึ้น 1.4% |
กำไรสุทธิ | 3,723 ล้านบาท | เพิ่มขึ้นกว่า 100% |
EBITDA | 6,173 ล้านบาท | เพิ่มขึ้นกว่า 100% |
กำไรต่อหุ้น | 0.31 บาท | - |
OR เดินหน้าขยายธุรกิจ Lifestyle อย่างต่อเนื่อง ใน 1Q/67 กลุ่มธุรกิจ Lifestyle มีเครือข่ายธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม 4,447 สาขา แบ่งเป็นร้าน Cafe Amazon ในประเทศ ไทย 4,196 สาขา จำแนกเป็นสาขาในสถานีบริการ 2,248 สาขา และนอกสถานีบริการ 1,948 สาขา คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 53.6% และ 46.4% ตามลำดับ รวมทั้งมี Cafe Amazon ในต่างประเทศ จำนวน 25 สาขา
ด้านร้านเท็กซัส ชิคเก้น มีเครือข่าย 101 สาขา สำหรับร้านอาหารและเครื่องดื่มอื่นมีเครือข่าย 125 สาขา ได้แก่ เพิร์ลลี่ทีและ Pacamara Coffee Roasters สำหรับธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ มีร้านสะดวกซื้อภายใต้ แบรนด์ 7-Eleven และภายใต้แบรนด์ จิฟฟี่ ในประเทศไทย 2,241 สาขา
สำหรับบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ ซึ่ง OR เป็นผู้ถือหุ้น 20% ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและ ร่างหนังสือขี้ชวน (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขออนุมัติ การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) โดย OKJ ประกอบธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์ เพื่อสุขภาพภายใต้คอนเซ็ปท์ “Be Organic from Farm to Table” เน้นการปลูกผัก ผลไม้ แบบเกษตรอินทรีย์ (Organic) โดยมีร้านอาหาร “โอ้กะจู๋” เป็นร้านอาหารสุขภาพที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย
นอกจากนี้ OR ยังลงทุนในธุรกิจสุขภาพและความงาม (Health & Beauty) ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ เตรียมเปิดตัวร้านสาขาแรกในเร็วๆ นี้
เมื่อเร็วๆนี้ทาง OR ริเริ่ม โครงการทดลองการขนส่งเมล็ดกาแฟดิบ โดยยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็นรถบรรทุกขนาดใหญ่ (EV Truck) หรือ Green Logistics for Café Amazon Project เป็นเจ้าแรกของประเทศไทย เพื่อขนส่งเมล็ดกาแฟดิบจากต้นทางที่โกดังเก็บเมล็ดกาแฟของ OR อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ มายังปลายทางที่โกดังเก็บเมล็ดกาแฟที่ศูนย์ธุรกิจไลฟ์สไตล์คาเฟ่อเมซอน (OASYS) อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
โดยใช้เครือข่ายสถานีชาร์จ EV Station PluZ ของ OR ในเส้นทาง “Green Coffee Bean Route” เป็นจุดพักเพื่อชาร์จไฟของรถขนส่ง เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำในการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในกิจกรรมการขนส่งสินค้า ตลอดจนช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนและพัฒนาระบบขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ ไปสู่ระบบยานยนต์เชื้อเพลิงไฟฟ้า (EV) อย่างแท้จริง
Amazon Park 600 ไร่ที่ลำปางเพื่อปลูกกาแฟ
นอกจากนี้ OR เดินหน้าโครงการอุทยานอเมซอนบนพื้นที่ 600 ไร่ที่ลำปางเพื่อปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน หวังปั้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวในอีก 3-5 ปีข้างหน้า สำหรับโครงการ Amazon Park จะทำให้ OR มีกาแฟที่แตกต่างจากคู่แข่ง เนื่องจากบริษัทจะร่วมกับสถาบันการศึกษาเพื่อคัดเลือกพันธุ์กาแฟที่ดี มีคุณภาพมาเพาะปลูก และส่งมอบต้นกล้าเพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรได้เพาะปลูก โดย OR พร้อมรับซื้อเมล็ดกาแฟในราคาที่เป็นธรรม ซึ่งต้นกาแฟพันธุ์อะราบิกาจะต้องปลูกใต้ร่มไม้ใหญ่เท่ากับเป็นการส่งเสริมการปลูกป่าแก้ปัญหาเขาหัวโล้นจากการตัดไม้ทำลายป่า รวมทั้งยังลดการนำเข้ากาแฟจากต่างประเทศด้วย
นอกจากนี้ OR มุ่งมั่นที่จะใช้ศักยภาพที่มีอยู่ ร่วมกับพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกัน ในการแก้ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งสร้างตลาดและธุรกิจใหม่ ๆ ผ่านกลยุทธ์นวัตกรรมในแบบฉบับ OR (OR Innovation) เป้าหมายคือการเติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนและรักษาสิ่งแวดล้อม
ตัวอย่างความสำเร็จของ OR ในการสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืน
OR มุ่งมั่นที่จะเดินหน้าพัฒนากลยุทธ์และนวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพื่อบรรลุเป้าหมายในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ร่วมกับพันธมิตร ผู้มีส่วนได้เสีย และสังคมโดยรวม
เศรษฐกิจไทยในปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวจากแรงขับเคลื่อนหลักสองด้าน ได้แก่ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และ การบริโภคภาคเอกชน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ 2.7% ในปีนี้ โดยอาศัยแรงหนุนจากปัจจัยสำคัญดังต่อไปนี้
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังเผชิญความเสี่ยงสำคัญและความไม่แน่นอนสูง ดังนี้
เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องในปี 2567 แต่การฟื้นตัวจะช้าลงและมีความเสี่ยงสูง ทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค โดย IMF ปรับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2567 อยู่ที่ 3.2% โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากการฟื้นตัวของสหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศยุโรป
โดยสรุป เศรษฐกิจไทยในปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัว แต่การฟื้นตัวจะเปราะบางและเผชิญความเสี่ยงสูง เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวช้าท่ามกลางความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และการเงิน