ไลฟ์สไตล์

เปิดลิสต์ 11 มหา'ลัยมี 'มหาเศรษฐี' เป็น 'ศิษย์เก่า' มากที่สุดในอเมริกา

13 ต.ค. 65
เปิดลิสต์ 11 มหา'ลัยมี 'มหาเศรษฐี' เป็น 'ศิษย์เก่า' มากที่สุดในอเมริกา

จากสถิติ มีมหาเศรษฐีมากมายในโลกที่ประสบความสำเร็จ ร่ำรวยขึ้นมาได้โดยไม่ต้องเรียนจบมหาวิทยาลัย เช่น มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ผู้บริหารของ Meta และผู้ก่อตั้ง Facebook ที่ลาออกจากฮาร์วาร์ดมาตั้งบริษัท หรือ แจ็ค ดอร์ซี (Jack Dorsey) ผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter ที่เคยเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก

อย่างไรก็ตาม หากคุณคิดว่าการศึกษาคือการลงทุน และคิดอยากเป็นมหาเศรษฐี  นี่คือลิสต์มหาวิทยาลัย 11 อันดับที่มีศิษย์เก่าติดอันดับ Forbes 400 มากที่สุด โดยทั้ง 11 สถาบันผลิตมหาเศรษฐีรวมกันกว่า 99 คน หรือเกือบ 1 ใน 4 ของคนที่ร่ำรวยที่สุด 400 คนในอเมริกา

จนเรียกได้ว่าถ้ามีกำลังทรัพย์และความสามารถมากพอ การเลือกเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเหล่านี้ก็รับประกันเส้นทางสู่การเป็นเศรษฐีได้ระดับหนึ่ง เพราะนอกจากจะเป็นกลุ่มมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงยาวนานด้านคุณภาพการเรียนการสอนแล้ว ยังเป็นสถาบันที่รวมบุคลากรชั้นนำในด้านต่างๆ ของโลกไว้ ทำให้การเติบโตในสายงานที่เลือกกลายเป็นเรื่องง่าย

มหาวิทยาลัยไหนมีมหาเศรษฐีเป็นศิษย์เก่ากี่คน แต่ละที่มีความโดดเด่นด้านไหนบ้าง ไปดูกันเลย

  

  • มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย (University of Pennsylvania) : 17 คนistock-956151952

ในปี 2022 มหาวิทยาลัยที่ขึ้นแท่นสถาบันที่มีศิษย์เก่าเป็นมหาเศรษฐีมากที่สุดก็คือ ‘มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย หรือ ยูเพน (UPenn)’ มหาวิทยาลัยไอวี่ลีกในเมืองฟิลาเดลเฟีย ที่เพิ่งเบียดมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดขึ้นมาเป็นที่ 1 ได้ในปีนี้

ยูเพนมีชื่อเสียงมากในด้านวิชาบริหารธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ โดย 'โรงเรียนวอร์ตัน (Wharton School)' ซึ่งเป็นโรงเรียนบริหารธุรกิจของยูเพน เป็นสถาบันที่ผลิตนักธุรกิจมีชื่อเสียงที่เราคุ้นชื่อมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชายที่ร่ำรวยที่สุดในโลกตอนนี้อย่าง ‘อีลอน มัสก์’ (Elon Musk) หรืออดีตประธานาธิบดีและนักธุรกิจชื่อดัง ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ (Donald Trump) รวมไปถึง 4 ทายาทของธุรกิจเครื่องสำอางชื่อดัง Estee Lauder ที่ก็จบการศึกษามาจากยูเพนเช่นกัน

นอกจากนี้ โรงเรียนวอร์ตันยังเป็นสถาบันเก่าของนักลงทุนในตำนานที่ใครๆ ก็รู้จักอย่าง 'วอร์เรน บัฟเฟตต์' (Warren Buffett) โดยเขาได้ศึกษาอยู่ที่นี่ 2 ปี ก่อนย้ายไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียและจบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์ที่นั่น

 

  • มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) : 11 คนistock-1405261179

ถัดจากยูเพน มหาวิทยาลัยที่มีศิษย์เก่าเป็นมหาเศรษฐีมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ก็คือ 'มหาวิทยาฮาร์วาร์ด' ที่คนไทยรู้จักกันดี โดยฮาร์วาร์ดเพิ่งตกจากอันดับแรกมาในปีนี้เพราะมีศิษย์เก่าถึง 3 หายออกไปจากลิสต์ Forbes 400 สองคนแรกคือ คู่แฝด ไทเลอร์-คาเมรอน วิงเคิลวอส (Tyler-Cameron Winklewoss) อดีตคู่กรณีมาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก ที่เพิ่งทรัพย์ไหลไปกับราคาคริปโตที่ตกต่ำ และ เอ็ดเวิร์ด จอห์นสัน ที่ 3 (Edward Johnson III) ผู้ก่อตั้งบริษัทบริหารการลงทุน Fidelity Investment ที่เพิ่งเสียชีวิตไปในปีนี้ 

โดยถึงแม้ฮาร์วาร์ดจะมีชื่อเสียงโดยรวมโดดเด่นในทุกด้าน ด้านการผลิตนักธุรกิจก็ไม่แพ้กัน เพราะฮาร์วาร์ดมีศิษย์เก่าเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท และผู้บริหารระดับสูงในบริษัทดังๆ มากมาย เช่น ‘สตีฟ บัลเมอร์’ (Steve Ballmer) อดีตซีอีโอของ Microsoft และเจ้าของทีมบาสเกตบอล NBA Los Angeles Clippers, ‘นาธาน เบลชาร์คซิค’ (Nathan Blecharczyk) ผู้ร่วมก่อตั้ง Airbnb และ ‘เคน กริฟฟิน’ (Ken Griffin) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Citadel ผู้จัดการกองทุนรวมที่มีมูลค่าสูงที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกา

 

  • มหาวิทยาลัยเยล (Yale University) : 11 คน

istock-950217210

ตามมาเสมอติดๆ คืออีกหนึ่งสถาบันในกลุ่มไอวี่ลีก 'มหาวิทยาลัยเยล' ที่มีศิษย์เก่าเป็นคนจากตระกูลเจ้าของอาณาจักรขนมหวานชื่อดังอย่าง Mars Inc. ถึง 3 คน คือ 'จอห์น, วาเลอรี และวิคตอเรีย มาร์ส' (John, Valerie, Victoria Mars) รวมไปถึง 'สตีเฟน ชวอร์ตสแมน' (Stephen Schwarzman) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ The Blackstone Group ที่เป็นบริษัทจัดการการลงทุนที่มีชื่อเสียงมากในอเมริกา

 

  • มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย (University of Southern California) : 10 คนistock-1303563457

ตามมาในอันดับที่ 4 คือ 'มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย' หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ยูเอสซี (USC) ยูเอสซีเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในแคลิฟอร์เนีย และมีชื่อเสียงในด้านหลักสูตรศิลปะการสร้างภาพยนตร์ โดยมีศิษย์เก่าเป็นคนสำคัญในวงการอย่าง ‘จอร์จ ลูคัส’ (George Lucas) ผู้สร้างแฟรนไชส์ สตาร์ วอร์ส และ อินเดียนา โจนส์ ซึ่งนอกจากจะเป็นศิษย์เก่าแล้วยังเป็นผู้บริจาครายใหญ่ให้กับโรงเรียนภาพยนตร์ที่ยูเอสซีด้วย

 

  • มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University) : 9 คนistock-488883024

'สแตนฟอร์ด' มหาวิทยาลัยกลุ่มไอวี่ลีกในเมืองซานฟรานซิสโก มีความโดดเด่นในหลักสูตร ‘เทคโนโลยี’ โดยมีศิษย์เก่าเป็นผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทเทคโนโลยีชื่อดังมากมาย อย่างเช่น ‘อีวาน สปีเกล’ (Evan Spiegel) และ ‘บ็อบบี เมอร์ฟี’ (Bobby Murphy) ผู้ก่อตั้ง Snapchat และ ‘ปีเตอร์ ธีล’ (Peter Thiel) ผู้ร่วมก่อตั้ง Paypal

 

  • มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน (Princeton University) : 8 คน

istock-458239105

'พรินซ์ตัน' เป็นอีกมหาวิทยาลัยในกลุ่มไอวี่ลีกในอันดับนี้ โดยถึงแม้จะมีจำนวนศิษย์เก่าที่ติดลิสต์ Forbes 400 เพียง 8 คน ก็มีถึง 4 คนที่ติด 40 อันดับแรก โดยเป็นสถาบันศึกษาเก่าของชายที่ร่ำรวยอันดับ 3 ของโลกอย่าง 'เจฟ เบโซ' (Jeff Bezos) เจ้าของบริษัทอีคอมเมิร์ซ Amazon รวมไปถึง ‘เอริค ชมิดท์’ (Eric Schmidt) อดีตซีอีโอของ Google 

 

  • มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University) : 7 คน

istock-131393541

'มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย' อีกหนึ่งมหาวิทยาลัยกลุ่มไอวี่ลีกในเมืองนิวยอร์ก มีศิษย์เก่าที่ร่ำรวยและมีชื่อเสียงที่สุดคือ 'โรเบิร์ต คราฟท์' (Robert Kraft) เจ้าของทีมอเมริกันฟุตบอล New England Patriots และซีอีโอของ Kraft Group ที่ประกอบธุรกิจในกลุ่มกีฬา และอสังหาริมทรัพย์

 

  • มหาวิทยาลัยคอร์เนล (Cornell University) : 7 คน

istock-1281673275

'มหาวิทยาลัยคอร์เนล' เป็นมหาวิทยาลัยกลุ่มไอวี่ลีกที่ตั้งอยู่ในเมืองอิทาคา รัฐนิวยอร์ก ศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงคือลูกหลานจากตระกูล ‘จอห์นสัน’ (Johnson) เจ้าของ SC Johnson บริษัทผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภครายใหญ่ของอเมริกา ตระกูลจอห์นสันเป็นผู้บริจาครายใหญ่ของโรงเรียนบริหารธุรกิจของคอร์เนล มีสมาชิกครอบครัวที่มีชีวิตอยู่เป็นศิษย์เก่า 3 คน มีบรรพบุรุษที่เป็นศิษย์เก่า 2 คน

นอกจากคนจากตระกูลจอห์นสัน ศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงอีกคนจากมหาวิทยาลัยนี้คือ 'เดวิด ดัฟฟิลด์' (David Duffield) ผู้ร่วมก่อตั้ง PeopleSoft และ Workday ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ด้านการจัดการบุคคล

 

  • มหาวิทยาลัยมิชิแกน (University of Michigan) : 7 คนistock-183348944

'มหาวิทยาลัยมิชิแกน' เป็นมหาวิทยาลัยรัฐแห่งเดียวที่ติดอันดับนี้ และมีศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงมากมาย รวมไปถึง ‘แลร์รี เพจ’ (Larry Page) ผู้ร่วมก่อตั้ง Google ซึ่งเป็นชายที่ร่ำรวยที่สุดอันดับ 8 ของโลกในปัจจุบัน

 

  • วิทยาลัยดาร์ตมัธ (Darthmouth College) : 6 คน

screenshot2565-10-13at14.

'ดาร์ตมัธ' เป็นมหาวิทยาลัยในกลุ่มไอวี่ลีกที่ตั้งอยู่ในรัฐนิว แฮมเชียร์ มีศิษย์เก่าที่ร่ำรวยที่สุดคือ ‘ลีออน แบล็ก’ (Leon Black) นักลงทุนชื่อดัง และ 'แอนโทนี พริตซ์เกอร์' (Anthony Pritzker) จากตระกูลเจ้าของเชนโรงแรมไฮแอตต์ (Hyatt) 

 

  • มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (New York University) : 6 คน

istock-545457404

และอันดับสุดท้ายในลิสต์นี้ก็คือ 'มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก' สถาบันศึกษาเก่าของนักธุรกิจ 'ลีโอนาร์ด สเติร์น' (Leonard Stern) ซีอีโอของ Hartz Mountain Industries ที่ทำธุรกิจในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และ 'วิลเลียม เบิร์กลี' (William Berkley) ที่เป็นผู้บริจาครายใหญ่ และประธานคณะกรรมการผู้ดูแลผลประโยชน์ของมหาวิทยาลัย


จากในลิสต์จะเห็นได้ว่า มหาวิทยาลัยส่วนมากที่ผลิตมหาเศรษฐี หรือ ที่ 'ลูกหลานของมหาเศรษฐีเลือกเรียน' คือสถาบันอุดมศึกษาในกลุ่ม 'ไอวี่ลีก' ซึ่งเป็นกลุ่มมหาวิทยาลัยที่ขึ้นชื่อได้ว่ารวม ‘หัวกะทิ’ และ 'บุคคลทรงอิทธิพล'ในวงการต่างๆ ไว้มากที่สุดในโลก และมีมหาวิทยาลัยรัฐแห่งเดียวเท่านั้นที่ติดอันดับ บ่งบอกว่านอกจากความสามารถแล้วการจะประสบความสำเร็จด้านการเงินยังใช้เงินและเส้นสายจำนวนมหาศาล และส่วนมากผู้ที่ติดอันดับ Forbes 400 ก็เป็นทายาทของตระกูลที่ทำธุรกิจร่ำรวยมาก่อนแล้ว

อย่างไรก็ตาม นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่มาจากครอบครัวชนชั้นกลางหรือไม่ได้จบมหาวิทยาลัยดังๆ จะหมดสิทธิประสบความสำเร็จ เพราะในลิสต์ Forbes 400 มีถึง 15% ที่เรียนไม่จบระดับมหาวิทยาลัย โดยมีถึง 20 คนที่เรียนจบเพียงระดับมัธยมปลาย และ 1 คนที่ไม่จบแม้แต่ชั้นมัธยมปลายคือ ทอดด์ คริสโตเฟอร์ (Todd Christopher) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม Vogue International ที่มีแบรนด์ดังในเครือคือ OGX


ที่มา: Forbes

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT