ในปัจจุบันเราตื่นขึ้นมาท่ามกลางโลกที่มีแต่ความเครียด ทั้งเรื่องปัญหามลภาวะทางอากาศอย่าง PM 2.5 ปัญหาสุขภาพโรคระบาดอย่าง โควิด-19 ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ข้าวของอาหารแพง จากสงครามต่างๆ นี่ยังไม่รวมปัญหาส่วนตัวในเรื่องของครอบครัว การงาน และความสัมพันธ์
นอกจากการรักษาร่างกายให้แข็งแรง เพื่อเตรียมให้มีแรงสู้ในแต่ละวันแล้ว สุขภาพจิตมีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะจิตใจจะส่งผลต่อความคิด ความรู้สึก รวมถึงการรับมือกับความเครียดและปัญหาต่าง ๆ ในชีวิต
เมื่อปัญหาทางจิต โดยเฉพาะโรคซึมเศร้า กลายเป็นหนึ่งในโรคที่คนทั่วโลกต้องเผชิญเยอะสุดลำดับ 2 เป็นรองแค่เพียงโรคหลอดเลือดหัวใจ
องค์การอนามัยโลก ได้กำหนดให้วันที่ 10 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันสุขภาพจิตโลก (World Mental Health Day : WMHDAY) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ รณรงค์ให้ประชากรทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพจิต และปัญหาการเจ็บป่วยทางจิต
SPOTLIGHT พาทุกคนมารู้จักกับปัญหาสุขภาพจิต โรคที่หลายคนมองข้ามแต่เป็นโรคที่ส่งผลในการใช้ชีวิตมากที่สุดในสังคมปัจจุบัน
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการรายงานว่า ปัญหาสุขภาพจิตในไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จำนวนผู้ป่วยทางจิตเวชเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า จาก 1.3 ล้านคนในปี 2558 เป็น 2.3 ล้านคน ในปี 2564 ขณะที่คนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าถึง 1.5 ล้านคน
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้ามีอัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น
องค์กร UNICEF ได้มีการรายงานผ่าน “การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ระบบและบริการสนับสนุนทางจิตใจ และจิตสังคมสำหรับเด็กและวัยรุ่นในเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ฉบับประเทศไทย ปี 2565” ถึงอัตราการฆ่าตัวตายของเด็กไทย
สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ ได้มีการรายงานว่า การระบาดของโควิดนับว่าเป็นในแนวโน้มสำคัญ ที่กระทบต่อปัญหาสุขภาพจิตของคนไทย (สถิติสูงเทียบเท่ากับวิกฤตต้มยำกุ้ง)
โดยปัจจัยหลัก คือ ปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัว โดยเฉพาะสถานที่ทำงาน โรงเรียน รวมทั้งอาการสุขภาพกายและใจป่วยเรื้อรัง จากการใช้สุราและสารเสพติด รวมถึงภาวะเครียดจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ
เมื่อการป่วยทางจิต ไม่มีแผลให้เราสังเกตเห็นเหมือนการเจ็บป่วยทางร่างกาย เราเลยจำเป็นต้องสังเกตตัวเอง และเช็คตัวเองอยู่เสมอ
มีพฤติกรรมการนอนที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น นอนไม่หลับ นอนหลับยาก หรือนอนหลับมากเกินไปติดต่อกันเป็นเวลานาน
มีอารมณ์และนิสัยที่ต่างไปจากเดิมจนสังเกตได้ เช่น มีอารมณ์เศร้าง่าย หรือรู้สึกหงุดหงิดง่ายกว่าปกติจนส่งผลต่อชีวิตประจำวัน
มีความคิดเชิงลบว่าตัวเองไร้ค่าหรือไม่ควรมีชีวิตอยู่ จากที่ไม่เคยระแวงอะไรมาก่อน ก็คิดว่าจะมีคนมาปองร้าย หรือทำร้าย
ความจำเปลี่ยนแปลงไป ความสามารถในการคิดอ่านและการตัดสินใจลดลง เป็นสัญญาณอย่างหนึ่งของโรคทางจิตเวช
จากเมื่อก่อนไม่ชอบออกไปข้างนอก ตอนนี้กลับออกไปข้างนอกตลอด ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยแบบไม่คิด หุนหันพลันแล่น ชอบทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยง หรือจากที่เคยเป็นคนชอบเข้าสังคมอยู่ ๆ ก็กลายเป็นคนเก็บตัว
ที่มา Unicef