ราคา บมจ. เอสซีบี เอกซ์ (SCB) เข้าเทรดวันนี้(27 เม.ย.) วันแรก ปิดการซื้อขายช่วงเช้าที่ 117.50 บาท เพิ่มขึ้น 46.50 บาท บวกแรง 65.49%
ปลดปล่อยพลัง-สร้างมูลค่าเพิ่มให้ SCB
บริษัทหลักทรัพย์(บล.) บัวหลวง ประเมินว่า วันนี้ บมจ. เอสซีบี เอกซ์ (SCB) จะเข้าซื้อขายวันแรกหลังปรับโครงสร้างภายในแล้ว จะเห็นถึงธุรกิจใหม่ที่ภาพชัดเจนขึ้น ถูกยกขึ้นมาให้เห็นในระนาบเดียวกับธุรกิจธนาคาร และสร้างมูลค่าเพิ่มให้ SCB ในระยะยาวให้เร็วขึ้นโดยภาพธุรกิจใหม่ 2 กลุ่ม ที่จะเห็นข้างหน้า คือ
1) กลุ่มคุณภาพกำไร (quality earnings) ได้แก่ สินเชื่อจำนำทะเบียน, บัตรเครดิต, รถยนต์ (Auto X) เร่งสร้างส่วนแบ่งตลาดและได้เปรียบ non-bank และพวก JV ต่างๆ เช่น AISCB (ร่วมกับ ADVANC) เป็นต้น โดยสุดท้าย บ.ย่อย ต่างๆ จะนำเข้าจดทะเบียนฯ ภายใน 3-5 ปี
2) กลุ่ม platform เช่น SCBS, Bitkub และ start-up ต่างๆ จะสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลประกอบการที่เติบโตรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม คาดดีลลงทุน Bitkub จะจบในช่วง ก.ค. (เดิม ม.ค.) จึงมีการปรับประมาณการกำไรปี 2565 ลงเล็กน้อย 1.3% เป็น 4.04 หมื่นล้านบาท (เติบโต 14% YoY) แต่หากดีลไม่สำเร็จจะเป็น Downside ต่อประมาณการกำไรเพียง 1%
คงคำแนะนำ "ซื้อ" และปรับราคาเป้าหมายลดลงเล็กน้อยเป็น 141 บาท จากเดิมที่ 146 บาท เพื่อ fine-tune ธุรกิจใหม่ที่ยังเข้ามาช้า โดยแบ่งเป็นมูลค่าธุรกิจธนาคาร 110 บาท และธุรกิจใหม่ 31 บาท
ยานแม่ " เอสซีบี เอกซ์" ช่วยประคองตลาดหุ้น
บล.กรุงศรี ระบุว่า SCB กลับเข้ามาซื้อขายช่วยประคองดัชนี หลังตลาดหลักทรัพย์ฯ รับ SCB กลับเข้ามาทำการซื้อขายอีกครั้ง ซึ่งมีโอกาสที่ราคาหุ้นจะฟื้นตัวกลับไปที่ระดับราคาก่อนทำ Share swap ที่ระดับ 115-130 บาท เบื้องต้นเราประเมินทุกๆ 10% ของการเปลี่ยนแปลงของราคา SCB จะมีผลต่อ SET Index ประมาณ 2 จุด
วันนี้คาดหวังว่าปรับขึ้นของราคา SCB จะช่วยประคอง SET ซึ่งจะถูกกดดันจาก Sentiment การลงทุนของตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปิดลบรุนแรง
หุ้นไทยดิ่งตามเอเชีย ผวา "สงครามนิวเคลียร์"
ขณะที่ดัชนี้หุ้นไทยปิดภาคเช้าวันนี้(27 เม.ย.) ที่ระดับ 1,661.87 จุด ลดลง 7.10 จุด (-0.43%) มูลค่าการซื้อขายราว 40,759 ล้านบาท นักวิเคราะห์ ประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าปรับตัวลงตามตลาดหุ้นภูมิภาค เนื่อวนักลงทุนกลับมากังวลสงครามรัสเซียกับยูเครนจะกลับมายืดเยื้อ หลังรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ได้ออกมาข่มขู่อาจความเสี่ยงเกิดสงครามนิวเคลียร์ และคาดว่าในปีนี้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)จะปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงขึ้น 2-3 ครั้ง
อีกทั้งมีปัจจัยกดดันในประเทศประเมินว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน(บจ.) ไตรมาส 1 ปี 2565 ของไทยอาจออกมาไม่ดีนัก หรืออาจมีการขายทำกำไรหลังประกาศผลประกอบการด้วย