กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 7.7% ต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 7.9% สะท้อนให้เห็นว่า ปัญหาเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว
โดยการเพิ่มขึ้นของ CPI ในเดือนต.ค. นั้น ต่ำกว่าเดือน ก.ย. ซึ่งเคยอยู่ที่ระดับ 8.2% ถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนก.พ. ที่ปรับตัวขึ้นต่ำกว่า 8% โดยในปีนี้ เงินเฟ้อสหรัฐเคยปรับตัวสูงสุดถึง 9.1% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งนับเป็นระดับสูงที่สุดตั้งแต่เดือนพ.ย. ปี 1981
ตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดนี้ ทำให้นักลงทุนเพิ่มคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนธ.ค. โดย FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 80.6% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. และให้น้ำหนักเพียง 19.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%
ตลาดหุ้นสหรัฐ และตลาดหุ้นทั่วโลกขานรับข่าวดีดังกล่าวตั้งแต่ช่วงกลางคืนที่ผ่านมา โดยในฝั่งสหรัฐ ดัชนี Dow Jones เพิ่มขึ้น 1,201.43 จุด หรือ 3.70% ปิดที่ 33,715.37 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 207.80 จุด หรือ 5.54% ปิดที่ 3,956.37 จุด และดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 760.97 จุด หรือ 7.35% ปิดที่ 11,114.15 จุด
ด้านดัชนี NIKKEI 225 เพิ่มขึ้น 742.42 จุด หรือ 2.70% ดัชนี Hang Seng เพิ่มขึ้น 800.55 จุด หรือ 4.98% Euro Stoxx 50 Pr เพิ่มขึ้น 118.53 จุด หรือ 3.18% FTSE 100 เพิ่มขึ้น 79.09 จุด หรือ 1.08% ดัชนีอื่นๆ ทั้งในฝั่งเอเชีย ยุโรป และภูมิภาคอื่นๆ ภาพรวมเป็นบวกเช่นกัน
อานิสงส์ดังกล่าวยังส่งผลมายังตลาดหุ้นบ้านเรา โดยในช่วง 10.00 น. วันนี้ ดัชนี SET 100 เปิดพุ่งกว่า 20 จุด สู่ระดับ 1,640 ก่อนจะชะลอความร้อนแรงมาสู่ระดับ 1,635 จุด เพิ่มขึ้น 15.77 จุด คิดเป็น 0.97% ณ เวลา 10.30 น.