การเงิน

ใครว่าหุ้นไทยไม่น่าลงทุน? เข้าใจเศรษฐกิจไทยเพื่อรู้จักลงทุนในหุ้นไทย

25 ธ.ค. 66
ใครว่าหุ้นไทยไม่น่าลงทุน? เข้าใจเศรษฐกิจไทยเพื่อรู้จักลงทุนในหุ้นไทย
ไฮไลท์ Highlight
“ ปีนี้ 2023 ตลาดหุ้นจีนลงมา30%แล้วนะต่อให้จะลงอีก ผมคิดว่าดาวน์ไซท์ของตลาดหุ้นจีนจะน้อยลง เพราะหุ้นกลุ่มที่มันมีผลกระทบโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มอสังหาลงไปหนักมากแล้ว ดอกเบี้ยและเงินเฟ้อของจีนก็ลงมามากเช่นกัน บวกกับรัฐบาลสีจิ้นผิง เข้ามาแก้ไขปัญหาอย่างหนักหลายเรื่องทำให้ภาพจีนปี 2024 น่าจะดีขึ้นกว่าปี 2023” 

สำหรับนักลงทุนแล้วปี 2023 ถือว่าได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่ “หิน” พอสมควร โดยเฉพาะสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่เต็มไปด้วยปัจจัยมากมายทั้งในประเทศไทยเองและในต่างประเทศ และส่วนใหญ่จะเป็นปัจจัยลบที่มากระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทำให้ในปี 2023 ผลงานของตลาดหุ้นไทยอาจไม่ดีนัก 

ดัชนีหุ้นไทยต้นปี 2023 เปิดที่ประมาณ 1,660 จุด แต่ปลายปีกลับไหลลงมาอยู่แถวๆ 1,400 จุด หรือลดลงราว 15% ซึ่งปัจจัยลบปลายปีเห็นจะหนีไม่พ้นข่าวการทำ Naked Short Sell รวมทั้งผลพวงของคดีความทั้งจาก หุ้น MORE และ STARK ที่ทำให้ปีนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ กลต.ออกมาชี้แจงรวมถึงปรับกฏเกณฑ์ต่างๆเพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา 

SPOTLIGHT สัมภาษณ์พิเศษ คุณกวี ชูกิจเกษม Head of Research & Content บล.พาย เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในปี 2023 ที่กำลังจะหมดปี รวมทั้งทิศทางของปี 2024 ปีมังกร จะเป็นปีทองของการลงทุนในหุ้นไทยหรือไม่ 

 ปี 2023 เศรษฐกิจไทยถูกกระทบจากหลายปัจจัย สะเทือนตลาดหุ้น 

ต้องเล่าย้อนว่า ปี 2022 เป็นปีที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงหมดแต่หุ้นไทยเราฝืนตลาดขึ้นมาได้เพียงแค่ตลาดเดียว ในปีนั้นบวกได้เปอร์เซ็นต์กว่าๆ แต่ก็พูดยากเพราะในปี2022เป็นปีที่เรามีหุ้นโดดเด่นขึ้นมาหนึ่งตัวก็คือหุ้น DELTA แต่พอเข้าสู่ปี2023เราก็พบกับความจริง

ความเป็นจริงของเศรษฐกิจไทยคือ เราไม่ได้แข็งแกร่ง กําไรของบริษัทจดทะเบียนของไทยได้รับผลกระทบ สาเหตุมาจากไทยอยู่ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากเศรษฐกิจของประเทศจีน เมื่อเศรษฐกิจจีนชะลอตัวเศรษฐกิจไทยก็ได้รับผลกระทบทั้งเรื่องของการส่งออกและการท่องเที่ยว ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลง หุ้นใหญ่อย่างกลุ่มพลังงานของไทยก็ถูกลดความน่าสนใจลงไปด้วย 

ขณะที่ทางฝั่งของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาธุรกิจเทคโนโลยี อย่าง AI ที่ในช่วงต้นปีมีกระแสที่ดันให้ราคาหุ้นกลุ่ม AI ปรับขึ้น แต่ตอนปี2022 Nasdaq ก็ลง30% อย่างไรก็ตามประเทศไทยไม่ได้มีหุ้นเทคโนโลยีแบบฝั่งสหรัฐฯจึงไม่ได้อานิสงส์มากนัก ดังนั้นในภาพรวมแล้วโลกไม่ได้เอื้อให้เราเติบโต

แต่อยากให้มองเป็นข้อดีของตลาดหุ้นไทยในปี2023 เพราะเราลงมา15% ขณะที่ประเทศอื่นเค้าบวกกัน ขณะที่การขายของนักลงทุนต่างชาติถ้านับตั้งแต่ปี 2011 ถึงปัจจุบันเท่ากับ 12 ปี ซึ่งต่างชาติขายสุทธิออกมาแล้ว 11 ปี มูลค่า 7- 8 แสนล้านบาท ทำให้ประเมินว่าแรงขายของนักลงทุนต่างชาติยังเหลืออีกไม่มาก 

ขณะที่ปัจจัยภายในของประเทศไทย นอกจากปัญหาหุ้นบางตัวที่เป็นปัจจัยบั่นทอนความเชื่อมั่นแล้ว ปี 2023 เป็นปีที่ประเทศไทยมีการเลือกตั้งการใช้งบประมาณของรัฐบาลใหม่ยังไม่เห็นผลต่อเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรมนัก ต้องรอในปี 2024 แต่ทั้งหมดคือปัจจัยหลักๆที่เข้ามากระทบเศรษฐกิจไทยและตลาดหุ้นไทยในปี 2023 

ความท้าทายของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยในปี 2024

ปี 2024 เป็นปีที่ประเทศไทยทยอยเห็นภาพที่เป็นบวกมากขึ้น ปัจจัยสำคัญมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจจีนจะดีขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้ภาคการส่งออกของไทย และ นักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาประเทศไทยปรับตัวดีขึ้นได้

“ ปีนี้ 2023 ตลาดหุ้นจีนลงมา30%แล้วนะต่อให้จะลงอีก ผมคิดว่าดาวน์ไซท์ของตลาดหุ้นจีนจะน้อยลง เพราะหุ้นกลุ่มที่มันมีผลกระทบโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มอสังหาลงไปหนักมากแล้ว ดอกเบี้ยและเงินเฟ้อของจีนก็ลงมามากเช่นกัน บวกกับรัฐบาลสีจิ้นผิง เข้ามาแก้ไขปัญหาอย่างหนักหลายเรื่องทำให้ภาพจีนปี 2024 น่าจะดีขึ้นกว่าปี 2023” 

ความเสี่ยงของเศรษฐกิจในปี 2024 ที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดคือ ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ หรือ หุ้นกู้ ของบริษัทต่างๆ เนื่องจากผลพวงจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯที่อยู่ในระดับสูงในรอบ 22 ปี 5.25-5.50 % ซึ่งมันส่งผลทำให้เศรษฐกิจสหรัฐได้รับผลกระทบ เช่น ยอดขายบ้านลดลง อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น คนอเมริกันมีการบริโภคน้อยลง อาจทำให้บางธุรกิจ เช่น อสังหาฯสักแห่งอาจไปต่อไม่ได้ กระทบเรื่องการจ่ายหนี้โดยเฉพาะตราสารหนี้ ซึ่งหากเกิดในรอบนี้คงไม่ใช่ภาคสตาร์ทอัพ หรือเทคโนโลยี แต่อาจะเป็น Real Sector ที่อาจกระทบซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ต้องจับตาในปี 2024  

เศรษฐกิจไทยโตช้าเหมือนเต่า แต่กระดองก็แข็งแรงและอายุยืน 

หากใครมองว่า ตลาดหุ้นไทยไร้เสน่ห์ ประเทศไทยไม่น่าลงทุนคงไม่จริง ไม่เช่นนั้นแล้วหลายบริษัทยักษ์ใหญ่ กูเกิล ไมโครซอฟท์ อเมซอน จะเข้ามาเปิดคลาวด์ในบ้านเราประเทศไทยต้องมีดีไม่งั้นเค้าไม่เข้ามาลงทุน หรือแม้แต่กระทั่งคายรถ EV หลายแห่งสนใจมาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย ก็เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้แย่ขนาดนั้น 

“ เปรียบเทียบเศรษฐกิจไทยเหมือน เต่า เต่ามีลักษณะอย่างไร? เชื่องช้าเวลาเจอเหตุการณ์อะไรก็จะหดตัวเข้าไปอยู่ในกระดอง แต่ข้อดีของเต่าก็มีมากมาย เรามีกระดองที่ใหญ่และแข็งแรง เราหนักแน่น อายุยืน หลายคนก็อยากสะสมเต่าไว้ซักตัว ส่วนเวียดนามอาจะเปรียบเสมือนกระต่ายวิ่งเร็ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้แปลว่า เต่าจะแพ้กระต่าย เพราะกระต่ายหากวิ่งเร็วแต่ไปผิดทางก็แพ้เต่าได้อยู่ดี” 

การเปรียบเทียบเศรษฐกิจไทยให้เป็นเต่า เพื่อให้นักลงทุนเข้าใจถึงบริบทและความเป็นจริงของตลาดหุ้นไทยและเศรษฐกิจไทย หุ้นไทยหลายตัวแข็งแกร่งมาก แต่หากคุณจะคาดหวังว่า ตลาดหุ้นไทยจะหวือหวา ก็คงจะไม่ใช่คาแรคเตอร์ของหุ้นไทย แต่ภายใต้กระดองเต่าที่แข็งแรงนั้น เปรียบเหมือนเรามีทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยที่อยู่ในระดับสูง หนี้ต่างประเทศที่อยู่ในระดับต่ำ สถาบันการเงินขิงไทยมีความแข็งแรงมาก หนี้สินของภาคเอกชนรายใหญ่น้อยมาก โอกาสที่ประเทศไทยจะเกิดวิกฤตแทบไม่มี และประเมินว่า ปีหน้า 2024 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ราว 3% บนสมมติฐานว่าไม่มีนโยบาย Digital Wallet ด้วยซ้ำ ส่วนหุ้นไทยจะทะยานแรงทะลุ 1,600 มั้ย? ก็คงต้องจับตาดูกันแต่ทีแน่ๆ จังหวะที่หุ้นไทยปรับลดลงมา ก็มองเป็นโอกาสเพราะปัจจุบันก็ลงมาจนหลือราว 1400 จุดแล้ว เสน่ห์ของเรามีกลุ่มโรงพยาบาล เพราะเฮลท์แคร์ เมดิคัล เราเป็นอันดับ4ของโลก กลุ่มธนาคารพาณิชย์ โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ไม่อยากให้บูลลี่ตลาดหุ้นไทย เพราะควรเข้าใจลักษณะของเศรษฐกิจไทยเพื่อเข้าใจการลงทุนในหุ้นไทย 

ติดตามการสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่คลิป VDO นี้ 

 

 

 

advertisement

SPOTLIGHT