Aging Society to Self Care Trend เป็นคำที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก เป็นคำที่อธิบายถึงเทรนด์การดูแลตนเองที่เพิ่มขึ้นในสังคมผู้สูงอายุ เทรนด์นี้เกิดขึ้นจากปัจจัยหลายประการและประเทศไทยเองก็เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว นอกจากนี้ผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะใช้ชีวิตอย่างอิสระและพึ่งพาตนเองมากขึ้น เนื่องจากคนไทยไม่นิยมมีลูก ทำให้เทรนด์การดูแลตนเองในสังคมผู้สูงจะมากขึ้นตามลำดับ
ในงาน SUSTAINABILITY EXPO 2023 (SX2023) มหกรรมความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน มีเวทีเสวนาในหัวข้อ “Aging Society to Self Care Trend ” โดยได้วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้ง 3 ท่าน ได้แก่
ร่วมพูดคุยถึงแนวทางในการพึ่งพาตนเองในหัวข้อ Aging Society to Self Care Trend สังคมสูงวัยเทรนด์การดูแลตนเอง โดยมีเนื้อหาสาระสําคัญดังนี้
รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ให้ความสำคัญกับแนวคิด longevity หรือความยืนยาวของชีวิต โดยมองว่าเป็นเป้าหมายที่เป็นไปได้และควรส่งเสริมให้เกิดขึ้น สามารถทำได้ผ่านแนวทางต่างๆ นอกจากนี้ รศ.นพ.ฉันชาย มองว่า longevity ไม่ได้หมายถึงการมีชีวิตยืนยาวเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงการมีชีวิตที่มีคุณภาพและมีความสุข โดยบุคคลควรสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ มีส่วนร่วมในสังคม และได้ทำในสิ่งที่ตนเองรัก ในมุมมองของ รศ.นพ.ฉันชาย longevity นั้น ประกอบด้วย 2 องค์ประกอบหลัก คือ health span และ life span
รศ.นพ.ฉันชาย มองว่า health span มีความสำคัญมากกว่า life span เนื่องจากการที่มีชีวิตยืนยาว แต่มี health span ที่สั้น ก็อาจไม่ได้มีชีวิตที่มีคุณภาพและมีความสุข สำหรับแนวทางส่งเสริม health span นั้นสามารถทำได้ง่ายๆคือ
สิ่งที่ รศ.นพ.ฉันชาย เสนอแนะนั้น สามารถนำมาปรับใช้เพื่อส่งเสริม longevity ให้กับทุกคนได้ โดยเริ่มต้น ตั้งแต่วันนี้ จากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสม รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์และการรักษาโรคใหม่ๆ เพื่อให้ทุกคนสามารถมีชีวิตที่ยั่งยืนละยืนยาวอย่างมีคุณภาพได้
ศาสตราจารย์ ดร.เกื้อเกียรติ ประดิษฐ์พรศิลป์ หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านผู้สูงอายุ ได้มาให้ความเห็นเกี่ยวกับ สังคมสูงวัยกับเทรนด์การดูแลตนเอง เนื่องจาก ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า ในปี พ.ศ. 2564 ประเทศไทยมีประชากรผู้สูงอายุ 18.7 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 22.1 ของประชากรทั้งหมด และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 30 ในปี พ.ศ. 2573 การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงหลายด้านในสังคมไทย รวมถึงด้านการดูแลรักษาสุขภาพของผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตาม ทรัพยากรด้านการดูแลรักษาสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุในไทยยังมีจำกัด จึงจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนแนวทางการดูแลรักษาสุขภาพของผู้สูงอายุให้สอดคล้องกับสังคมผู้สูงอายุ โดย ดร.เกื้อเกียรติ เสนอแนะ แนวทางการดูแลรักษาสุขภาพของผู้สูงอายุในสังคมผู้สูงอายุ ดังนี้
ดร.เกื้อเกียรติ กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนแนวทางการดูแลรักษาสุขภาพของผู้สูงอายุให้สอดคล้องกับสังคมผู้สูงอายุ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อร่วมกันสร้างสังคมผู้สูงอายุที่มีคุณภาพและมีความสุขอย่างยั่งยืน
รศ.ดร.นิพิฐ พิรเวชที่ปรึกษาคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มองว่าแนวโน้มของสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ในปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดกระแสการดูแลสุขภาพด้วยตนเอง (Self Care Trend) มากขึ้น โดยผู้สูงอายุต้องการดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยไม่พึ่งพาผู้อื่นหรือระบบบริการสุขภาพมากเกินไป นอกจากนี้ ค่ารักษาพยาบาลมีราคาแพง ทำให้ผู้สูงอายุต้องการลดค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล ดร.นิพิฐ ได้แนะนำ แนวทางการดูแลผู้สูงอายุอย่างยั่งยืน
ปัญหาที่พบบ่อยในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อสุขภาพของผู้สูงอายุ เช่น ผู้สูงอายุมักติดนิสัยการกินอาหารหวาน เค็ม และไขมันสูง ดร.นิพิฐ จึงเสนอวิธีแก้ปัญหาโดยให้ครอบครัวช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดร.นิพิฐ กล่าวเสริมถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของภาครัฐและภาคเอกชนในการส่งเสริมการดูแลผู้สูงอายุอย่างยั่งยืน อาจารย์เสนอว่าภาครัฐควรสนับสนุนนโยบายและบริการด้านการดูแลผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ ส่วนภาคเอกชนควรพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้การดูแลผู้สูงอายุมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืนต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งปัจเจกบุคคล ครอบครัว ภาครัฐ และภาคเอกชน เพราะความสำคัญของการดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืน โดยกล่าวว่าการดูแลสุขภาพที่ดีจะช่วยให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของประเทศ และที่สำคัญการดูแลสุขภาพที่ดีไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินแพงๆ เราสามารถดูแลสุขภาพได้ด้วยตนเองโดยใช้ความรู้และทักษะที่เหมาะสม สุดท้ายนี้เราควรให้ความสำคัญในการวางแผนชีวิต เพื่อการเตรียมความพร้อมก่อนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต