ในโลกที่ความยั่งยืนกลายเป็นหัวใจสำคัญของทุกอุตสาหกรรม แม้แต่ผู้ผลิตของเล่นระดับโลกอย่าง "เลโก้ (lego)" ก็ไม่หยุดนิ่งที่จะก้าวไปข้างหน้า พวกเขาประกาศแผนการครั้งใหญ่ที่จะเปลี่ยนผ่านจากการใช้น้ำมันสู่พลาสติกชีวภาพในการผลิตตัวต่ออันเป็นเอกลักษณ์ แม้ต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น แต่เลโก้ก็พร้อมที่จะลงทุนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของโลกและลูกหลานของเรา
เลโก้ มุ่งสู่ยุคใหม่ ลดการใช้น้ำมัน หันมาผลิตตัวต่อจากพลาสติกชีวภาพ
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา บริษัทผู้ผลิตของเล่นชื่อดังอย่าง เลโก้ (lego) LEGO Group ประกาศว่า พวกเขากำลังเดินหน้าตามแผนที่จะเลิกใช้น้ำมันในการผลิตตัวต่อ lego อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ (พลาสติกทั้งหมดทำจากเชื้อเพลิงฟอสซิลใหม่) โดยจะหันไปใช้พลาสติกจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนและพลาสติกรีไซเคิลแทน ภายในปี 2032 ซึ่งแผนนี้ได้รับการสนับสนุนจากข้อตกลงระยะยาวกับผู้ผลิตวัตถุดิบ โดย เลโก้ ซึ่งมียอดขายตัวต่อพลาสติกหลายพันล้านชิ้นต่อปี ได้ทำการทดลองวัสดุต่าง ๆ กว่า 600 ชนิด เพื่อพัฒนาวัสดุใหม่ที่จะมาแทนที่ตัวต่อที่ทำจากน้ำมันได้อย่างสมบูรณ์ภายในปี 2030 อย่างไรก็ตาม ความพยายามดังกล่าวยังไม่บรรลุผลสำเร็จตามที่คาดหวัง
เลโก้พร้อมทุ่มทุนเพื่อสิ่งแวดล้อม ยอมจ่ายเพิ่ม 70% เพื่อลดการใช้น้ำมันในการผลิต
ในปัจจุบัน เลโก้กำลังดำเนินการตามแผนการลดการใช้น้ำมันในการผลิตตัวต่ออย่างเป็นขั้นเป็นตอน โดยบริษัทแสดงความมุ่งมั่นที่จะลงทุนเพิ่มเติมสูงสุดถึง 70% เพื่อจัดซื้อ 'เรซินหมุนเวียน' ที่ได้รับการรับรอง ซึ่งเป็นวัตถุดิบพลาสติกหลักในการผลิตตัวต่อ การดำเนินการนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้ผู้ผลิตเร่งเพิ่มกำลังการผลิตวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมดังกล่าว
"แน่นอนว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตตัวต่อเลโก้แต่ละชิ้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ" นีลส์ คริสเตียนเซน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเลโก้ กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ นีลส์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ กำลังดำเนินการตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้แน่ใจว่าในปี 2026 กว่าครึ่งหนึ่งของเรซินที่ใช้ในการผลิตจะได้รับการรับรองตามมาตรฐาน 'Mass Balance' ซึ่งเป็นระบบตรวจสอบย้อนกลับที่น่าเชื่อถือ
เพื่อติดตามการใช้วัสดุที่ยั่งยืนตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน โดยปัจจุบันในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 สัดส่วนนี้อยู่ที่ 30% “ด้วยพันธกิจของครอบครัวผู้ก่อตั้งที่มุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างยั่งยืน เราถือเป็นสิทธิพิเศษที่เราสามารถลงทุนเพิ่มเติมสำหรับวัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยไม่จำเป็นต้องผลักภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมไปยังผู้บริโภค” นีลส์ กล่าว
เลโก้เดินหน้าสู่ความยั่งยืน มุ่งลดการพึ่งพาน้ำมันในการผลิต พร้อมทุ่มงบประมาณสนับสนุน
การดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่มีพลาสติกใหม่ราคาถูกจำนวนมากในตลาด อันเป็นผลมาจากการลงทุนในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของบริษัทน้ำมันรายใหญ่ มีการคาดการณ์ว่าพลาสติกจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนความต้องการใช้น้ำมันในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า โดยปัจจุบัน ซัพพลายเออร์ของเลโก้กำลังใช้วัสดุชีวภาพเหลือทิ้ง อาทิ น้ำมันปรุงอาหาร หรือไขมันเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมอาหาร รวมถึงวัสดุรีไซเคิล เพื่อทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลในการผลิตพลาสติก
ตลาดสำหรับพลาสติกรีไซเคิลหรือพลาสติกหมุนเวียนยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะวัตถุดิบส่วนใหญ่ที่มีอยู่ถูกนำไปใช้ผลิตไบโอดีเซล ซึ่งได้รับเงินอุดหนุนและถูกนำไปผสมในเชื้อเพลิงสำหรับการขนส่ง จากข้อมูลของ Neste ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบหมุนเวียนรายใหญ่ที่สุดของโลก พลาสติกที่ผลิตจากฟอสซิลมีราคาประมาณครึ่งหนึ่งหรือหนึ่งในสามของตัวเลือกที่ยั่งยืน
“เราสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวและความเต็มใจที่จะลงทุนในเรื่องนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว” นีลส์ กล่าว เขาปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายชื่อซัพพลายเออร์หรือให้รายละเอียดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณ ด้าน Hasbro คู่แข่งในอุตสาหกรรมของเล่น ได้เริ่มรวมวัสดุจากพืชหรือวัสดุรีไซเคิลไว้ในของเล่นบางประเภท แต่ยังไม่ได้กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้พลาสติก ในขณะที่ Mattel วางแผนที่จะใช้เฉพาะพลาสติกรีไซเคิล พลาสติกที่สามารถรีไซเคิลได้ หรือพลาสติกชีวภาพในผลิตภัณฑ์ทั้งหมดภายในปี 2030 รู้หรือไม่ประมาณ 90% ของพลาสติกทั้งหมดทำจากเชื้อเพลิงฟอสซิลใหม่ ตามข้อมูลจากกลุ่มล็อบบี้ PlasticsEurope
การตัดสินใจครั้งสำคัญของเลโก้ในการเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตที่ยั่งยืน ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการรักษาสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมของเล่นทั่วโลก แม้เส้นทางนี้จะเต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งในด้านเทคโนโลยีและต้นทุนที่สูงขึ้น แต่เลโก้ได้แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญที่จะเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างโลกที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป
ที่มา reuters