ความยั่งยืน

สร้อยไข่มุกอ่าวไทย โครงการต้านภัยพิบัติ เกราะป้องกันน้ำท่วมแห่งอนาคต

19 ก.ย. 67
สร้อยไข่มุกอ่าวไทย โครงการต้านภัยพิบัติ เกราะป้องกันน้ำท่วมแห่งอนาคต

ภัยพิบัติน้ำท่วมจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป โดยเฉพาะสำหรับประเทศไทยที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงสุด ท่ามกลางความกังวล โครงการ "สร้อยไข่มุกอ่าวไทย" จึงถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นความหวังในการรับมือกับวิกฤตการณ์ครั้งนี้

แต่เส้นทางสู่การสร้าง "เกาะกำบังคลื่น" นี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มาร่วมสำรวจรายละเอียดของโครงการนี้ ทั้งศักยภาพในการปกป้องประเทศ และความท้าทายที่ต้องเผชิญ เพื่อหาคำตอบว่า "สร้อยไข่มุกอ่าวไทย" จะเป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ หรือเงาแห่งความกังวลที่ยากจะลบเลือน?

สร้อยไข่มุกอ่าวไทย โครงการต้านภัยพิบัติ เกราะป้องกันน้ำท่วมแห่งอนาคต

สร้อยไข่มุกอ่าวไทย โครงการต้านภัยพิบัติ เกราะป้องกันน้ำท่วมแห่งอนาคต

โลกกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์สภาพภูมิอากาศที่ส่งผลให้น้ำทะเลค่อยๆ รุกคืบสูงขึ้นทุกขณะ ประเทศไทยเองก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงภัยคุกคามนี้ได้ และด้วยความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบรุนแรงเป็นอันดับที่ 9 ของโลก จึงเกิดเป็นที่มาของโครงการ "สร้อยไข่มุกอ่าวไทย" แผนการสร้างสรรค์สุดยิ่งใหญ่ที่จะปกป้องเมืองหลวงและพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญจากภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งใหญ่ในอนาคต

เกาะเทียมและเขื่อน ปราการแห่งความหวัง

โครงการนี้เปรียบเสมือนการร้อยสร้อยไข่มุกแห่งความปลอดภัยให้กับอ่าวไทย ด้วยการเนรมิตเกาะเทียมถึง 9 เกาะ พร้อมเชื่อมต่อด้วยเขื่อนกั้นน้ำทะเลรวมระยะทางกว่า 100 กิโลเมตร คิดเป็นเม็ดเงินลงทุนมหาศาลถึง 1.2 ล้านล้านบาท หรือเทียบเท่ากับ 6.9% ของ GDP ไทยในปี 2566 นับเป็นความท้าทายครั้งสำคัญ แต่ก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อปกป้องอนาคตของประเทศ

เพื่อแบ่งเบาภาระและเร่งการดำเนินงาน โครงการนี้จะเปิดให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมผ่านการสัมปทานยาวนานถึง 99 ปี ก่อนที่จะส่งมอบพื้นที่ทั้งหมดกลับคืนสู่ภาครัฐ นี่คือตัวอย่างของความร่วมมือเพื่อสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืนระหว่างภาครัฐและเอกชน

ไข่มุกแห่งความหวัง หรือ ห่วงโซ่แห่งความกังวล?

ทั่วโลกต่างตื่นตัวรับมือกับวิกฤตการณ์น้ำทะเลที่สูงขึ้น ประเทศชั้นนำอย่างเนเธอร์แลนด์และสหราชอาณาจักรได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า "เขื่อนกั้นน้ำทะเล" คือ เกราะป้องกันที่มีประสิทธิภาพ โครงการ "Dutch Sea Wall" และ "Thames Barrier" กลายเป็นบทเรียนแห่งความสำเร็จที่ทั่วโลกจับตามอง

สำหรับประเทศไทย "สร้อยไข่มุกอ่าวไทย" ไม่ได้เป็นเพียงแค่เขื่อน แต่เป็นการสร้าง "เกาะเทียม" ที่ผสานศักยภาพในการป้องกันภัยพิบัติเข้ากับการพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเมืองใหม่ที่ทันสมัย สมาร์ทซิตี้ แหล่งท่องเที่ยวระดับโลก หรือศูนย์กลางพลังงานสะอาด โครงการนี้จึงเปรียบเสมือนไข่มุกแห่งความหวังที่ส่องประกายอนาคตที่สดใสให้กับประเทศ

ท่ามกลางความหวัง ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ออกมาเตือนให้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนถึงความคุ้มค่าของเม็ดเงินลงทุนมหาศาลกว่า 1.2 ล้านล้านบาท รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพในอ่าวไทย การศึกษาผลสำเร็จและบทเรียนจากโครงการอื่นๆ ทั่วโลกจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้มั่นใจว่า "สร้อยไข่มุกอ่าวไทย" จะไม่กลายเป็นห่วงโซ่แห่งความกังวลที่ผูกมัดอนาคตของเรา

สร้อยไข่มุกอ่าวไทย ความหวังที่ต้องแลกมาด้วยความรับผิดชอบ

โครงการสร้อยไข่มุกอ่าวไทย คือความพยายามครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศไทยในการรับมือกับภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แม้จะมีศักยภาพในการสร้างประโยชน์นานัปการ ทั้งการป้องกันน้ำท่วม การพัฒนาเมือง และการส่งเสริมเศรษฐกิจ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธถึงความเสี่ยงและความท้าทายที่อาจตามมา

การตัดสินใจเดินหน้าโครงการนี้จึงต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่รอบด้าน การศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างละเอียด และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อให้มั่นใจว่า "สร้อยไข่มุกอ่าวไทย" จะไม่เพียงแต่เป็นเกราะป้องกันภัยพิบัติ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่คนไทยทุกคนสามารถภาคภูมิใจร่วมกัน

อนาคตของอ่าวไทย และอนาคตของประเทศไทย อยู่ในกำมือของเรา การตัดสินใจในวันนี้จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของประเทศในอนาคต ขอให้เราทุกคนร่วมกันสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืน เพื่อให้ไข่มุกเม็ดงามนี้ยังคงส่องประกายเจิดจรัสคู่ผืนน้ำอ่าวไทยไปตราบนานเท่านาน

ที่มา kasikornresearch

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT