จอห์น โพเดสตา ที่ปรึกษาอาวุโสด้านพลังงานสะอาดของทำเนียบขาว ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนสหรัฐฯ ในการประชุมสภาพอากาศของสหประชาชาติครั้งที่ 29 ณ กรุงบากู สาธาณรัฐอาเซอร์ไบจาน แถลงในที่ประชุมว่า “ในเดือนมกราคมนี้ เราจะมีประธานาธิบดีที่มองว่า การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องหลอกลวง เขาให้คำมั่นว่าจะยกเลิกการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของเรา และถอนสหรัฐอเมริกาออกจากข้อตกลงปารีสอีกครั้ง นั่นคือสิ่งที่เขาพูดและเราควรจะเชื่อเขา สำหรับผู้อุทิศตนในด้านการรักษาสภาพภูมิอากาศแล้ว ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ก่อน (ที่ทรัมป์ชนะ) นับเป็นความผิดหวังอันน่าขมขื่น”
อย่างไรก็ตาม จอห์น โพเดสตา ยืนยันว่า สหรัฐฯ จะยังคงให้ความร่วมมือกับการรักษาสภาพภูมิอากาศโลกต่อไป ด้วยคำมั่นสัญญา ด้วยใจรัก และความเชื่อ แม้ว่ารัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่ได้ให้ความสำคัญด้านนี้เป็นอันดับต้น ๆ ก็ตาม ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าร่วมประชุม COP29 ในครั้งนี้ เพื่อทำงานร่วมกับพันธมิตรระดับโลกและฝ่ายอื่นๆ ต่อไป เพราะการประชุมดังกล่าว ถือเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างความก้าวหน้าของเราและรักษาอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะถอนตัวออกจากความตกลงปารีส 2015 และลดขนาดพื้นที่เขตสงวน เพื่อขุดเจาะและทำเหมือง รวมถึงขยายการส่งออกก๊าซธรรมชาติไปยังตลาดใหญ่ในเอเชียและยุโรป และเพิกถอนมาตรฐานมลพิษที่เข้มงวดในรัฐแคลิฟอร์เนีย
ก่อนหน้านี้ ในขณะที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยแรก เขาได้พาสหรัฐอเมริกาถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีสในปี 2017 มาแล้ว โดยอ้างว่า ข้อตกลงด้านสิ่งแวดล้อมและภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ แถมยังเอื้อประโยชน์กับจีนและอินเดีย จึงขอกลับมาเจรจาต่อรองอีกครั้งหากเงื่อนไขเป็นธรรมกับสหรัฐฯ มากขึ้น
ทั้งนี้ สื่ออเมริกาหลายสำนักออกมาวิเคราะห์ว่า ท่าทีของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำให้วงการสิ่งแวดล้อมโลกต้องสั่นสะเทือน แม้ตอนนี้ ฉากหน้าของการประชุมสุดยอดว่าด้วยสภาพอากาศของสหประชาชาติครั้งที่ 29 จะเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาโลกร้อนร่วมกัน แต่เบื้องหลังก็ต้องยอมรับว่า ผู้นำทั่วโลกอาจกังวล หากสหรัฐฯ ไม่เอาด้วยกับข้อตกลงปารีส เท่ากับว่าการดูแลสภาพภูมิอากาศก็ขาดแรงสนับสนุนและทรัพยากรอันมั่งคังของมหาอำนาจด้วยเช่นกัน