ธุรกิจการตลาด

สงครามชิปจีน-สหรัฐฯ ระอุ จีนสั่งแบนชิป Micron คาดทำรายได้หายกว่า 10%

22 พ.ค. 66
สงครามชิปจีน-สหรัฐฯ ระอุ จีนสั่งแบนชิป Micron คาดทำรายได้หายกว่า 10%

รัฐบาลจีนสั่งแบนชิปจาก ‘Micron’ บริษัทชิปยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ ไม่ให้หน่วยงาน หรือบริษัทจีนที่ทำธุรกิจให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลทุกบริษัทสั่งชิปจาก Micron มาใช้ อ้างชิปของ Micron ไม่มีความปลอดภัย และสร้างความเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศจีน

จากรายงานของ SCMP หน่วยงานกำกับดูแลบริหารไซเบอร์สเปซของจีน หรือ Cyberspace Administration of China (CAC) ได้เปิดเผยถึงประกาศดังกล่าวในวันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ตั้งแต่มีการออกประกาศ หน่วยงานหรือบริษัทที่ให้บริการด้านข้อมูลของจีน หรือ CIIOs จะไม่สามารถใช้ชิปของ Micron ในทุกสินค้าและบริการของตัวเองได้อีกต่อไป เพราะชิปของผู้ผลิตสหรัฐฯ รายนี้ 

โดยตามกฎหมายของจีน คำจำกัดความของ CIIOs ได้รวมไปถึงหน่วยงานและบริษัทในหลายภาคส่วนและอุตสาหกรรม รวมถึง หน่วยงานรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวกับชีวิตประชาชนหลายแขนง เช่น หน่วยงานด้านการสื่อสาร หน่วยงานที่เกี่ยวกับการจัดการข้อมูล บริษัทพลังงาน บริษัทจัดการการขนส่ง ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารทุกประเภท และผู้ให้บริการทางการเงิน ทำให้ธุรกิจส่วนมากในจีนจะไม่สามารถใช้ชิปของ Micron ได้อีกต่อไป

โดยสื่อต่างประเทศได้คาดการณ์ว่า การแบนครั้งนี้น่าจะทำให้ Micron สูญเสียรายได้จำนวนมาก เนื่องจากบริษัทจีนหลายแห่งที่เข้าข่ายเป็น CIIOs เช่น Lenovo, Xiaomi, Inspur Electronics Information, ZTE, Coolpad, China Electronics Corp และ Oppo เป็นลูกค้ารายใหญ่ของ Micron 

นอกจากนี้ ปี 2022 บริษัท Micron ยังโกยรายได้จากลูกค้าจีนไปรวมถึง 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือถึงประมาณ 11% ของรายได้ทั้งหมด 

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์แบนนี้ จะส่งผลเสียต่อ Micron ทั้งชื่อเสียงและรายได้อย่างมหาศาล เนื่องจาก CAC ไม่ได้ระบุรายละเอียดว่า ชิปของ Micron ไม่ปลอดภัยอย่างไร และทาง CAC ใช้ชิปรุ่นไหนในการทดสอบ หรือมีวิธีการทดสอบอย่างไร ทำให้เกิดข้อกังขาว่า จีนอาจตั้งใจแบนชิปจาก Micron เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐฯ เคยสั่งห้ามไม่ให้มีการส่งออกชิป รวมถึง อุปกรณ์ผลิตชิประดับสูงให้จีน เพื่อไม่ให้จีนมีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีในการผลิตปัญญาประดิษฐ์ หรือพัฒนาเทคโนโลยีระดับสูงต่อไป

ทั้งนี้ ภายหลังจากมีประกาศดังกล่าวออกมา กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ จึงได้ออกมาออกแถลงการณ์โต้ตอบทันทีว่า การสั่งแบนชิป Micron ของจีนนั้น ‘ไม่ได้มีพื้นฐานอยู่บนข้อเท็จจริง’ และเป็นการ ‘มุ่งโจมตีบริษัทสหรัฐฯ’ ขัดกับความตั้งใจของรัฐบาลจีนเองที่จะปล่อยให้การแข่งขันทางการค้าเป็นไปตามกลไกตลาด และกรอบข้อบังคับดูแลที่โปร่งใส และทางการสหรัฐฯ จะเร่งพูดคุยกับพันธมิตรทางธุรกิจต่อไป เพื่อหารือหยุดการบิดเบือนกลไกตลาดชิปเซ็ตของจีนในครั้งนี้

 

ทำไมสหรัฐฯ กับจีนมีความขัดแย้งกันเรื่องชิปเซ็ต?

โดยปัจจุบัน ทั้งสหรัฐฯ และ จีน ต่างเป็นประเทศมหาอำนาจด้านเศรษฐกิจที่กำลังแข่งขันด้านการค้าในทุกอุตสาหกรรม และนั่นก็รวมไปถึงอุตสาหกรรมผลิตเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ด้วย 

ปัจจุบัน สหรัฐฯ ยังถือได้ว่า เป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีอยู่ เพราะมีบุคลากรที่สามารถคิดประดิษฐ์ชิประดับสูง รวมถึงอุปกรณ์ผลิตชิปต่างๆ ที่มีคุณภาพเหนือบุคลากรหรืออุปกรณ์ที่จีนมี ขณะที่จีนสามารถผลิตเพียงชิปมาตรฐานระดับกลางไปถึงต่ำที่ใช้ในสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เพียงเท่านั้น จึงทำให้จีนต้องพึ่งชิปของสหรัฐฯ ในการคิดค้นประดิษฐ์คิดค้นนวัตกรรมต่างๆ รวมไปถึง ‘ปัญญาประดิษฐ์’ ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทเทคโนโลยีทั่วโลกกำลังเร่งแข่งกันผลิตออกมาด้วย 

ดังนั้น สหรัฐฯ จึงใช้แต้มต่อด้านนี้ในการต่อสู้ทางการค้ากับจีน ซึ่งในเดือนตุลาคมปี 2022 ที่ผ่านมา รัฐบาลไบเดนได้เพิ่มระดับการควบคุมการส่งออกชิปเซ็ต รวมไปถึงอุปกรณ์ผลิตชิปเซ็ตระดับสูงออกไปจีน โดยอ้างว่ากลัวว่า ชิปเซ็ตระดับสูงเหล่านี้อาจจะตกไปอยู่ในมือของกองทัพจีน

เมื่อเห็นว่า ตนเองต้องลดการพึ่งพาชิปเซ็ตจากสหรัฐฯ ทางการจีนจึงเร่งพัฒนาศักยภาพในการผลิตชิปเซ็ตระดับสูงของตัวเอง และร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีความสามารถในการผลิตชิปเซ็ตระดับสูง เช่น เกาหลีใต้ 

โดยจากการรายงานของ The New York Times รัฐบาลจีนได้พยายามสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าบริษัทผู้ผลิตชิปจากเกาหลีใต้ เช่น Samsung และ SK Hynix ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา 

ดั้งนั้น นักวิเคราะห์จึงคาดว่า การตัดหางปล่อยวัด Micron ในครั้งนี้ของจีน นอกจากจะเป็นการกีดกันไม่ให้บริษัทของสหรัฐฯ หารายได้จากจีนซึ่งเป็นตลาดเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่มากแล้ว อาจจะเป็นการตัดลดการพึ่งพาชิปเซ็ตจากสหรัฐฯ ครั้งสำคัญ เพื่อเร่งให้ตัวจีนสามารถพึ่งพาตัวเองในด้านเทคโนโลยีได้เร็วขึ้นด้วย

 

ที่มา: SCMP, The New York Times, CNN






advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT