ในขณะที่ผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา เริ่มหันหลังให้กับรถยนต์ไฟฟ้า แต่ที่ฮาวายกลับได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และอาจผู้นำในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐฯ ในอนาคตได้ ทำไมเป็นเช่นนั้น?
โดยข้อมูลจากเว็บไซต์ของสมาคม EV ฮาวาย ระบุว่า เมื่อเดือนมีนาคม จำนวน EV ที่จดทะเบียนอยู่ที่ 31,059 คัน เพิ่มขึ้น 29.9% เทียบจากเดือนมีนาคมปีที่ผ่านมา และคิดเป็น 2.9% ของรถยนต์โดยสารที่จดทะเบียนในฮาวาย
ส่วนข้อมูลของ J.D. Power ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของฮาวายในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ปีนี้อยู่ที่ 11.9% สูงเป็นอันดับ 5 ของสหรัฐฯ และยังมี Adoption Index Score หรือคะแนนดัชนีการยอมรับการใช้งานของผู้ใช้อยู่ที่อันดับ 3 หรือ 33.8 คะแนน ตามหลังรัฐแคลิฟอร์เนียที่มี 46.1 คะแนน และรัฐวอชิงตันที่มี 37 คะแนน
Adoption Index Score วัดจากการใช้งานโดยสัมพันธ์กับความพร้อมในการให้บริการ ซึ่งหมายความว่าผู้ซื้อจำเป็นต้องมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ตรงกับความต้องการของพวกเขา ก่อนที่จะพิจารณานำไปใช้ ซึ่งในแคลิฟอร์เนีย ปริมาณรถยนต์ไฟฟ้าสูงกว่าในฮาวายมาก แต่เมื่อผู้บริโภคได้รับทางเลือกที่เหมาะสม 33% ก็เลือกที่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า
สิ่งที่น่าสนใจ คือ ฮาวายยังเป็นรัฐอันดับต้นๆ สำหรับการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ ถึงแม้จะไม่ได้ลงนามเห็นด้วยกับโครงการ Zero-Emission Vehicle ของ California Air Resources Board ซึ่งส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า มาตรฐานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของยานพาหนะที่เข้มงวดยิ่งขึ้น และมาตรฐานอัตราไมล์ต่อแกลลอนสำหรับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปในรัฐที่นำมาตรการดังกล่าวมาใช้
ทำไมคนฮาวายหันมาขับ EV?
Ivan Drury ผู้อำนวยการฝ่ายข้อมูลเชิงลึกของ Edmunds เผยว่า สาเหตุที่คนฮาวายหันมาใช้ EV คือ ต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูง ความพร้อมใช้งานของพลังงานทดแทนสำหรับการชาร์จ และความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่สูง ผู้คนที่นี่มีความภูมิใจต่อประเทศชาติมาก
สำหรับราคาน้ำมันในฮาวายอยู่ในระดับที่สูงกว่ารัฐอื่นอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยราคาเฉลี่ยของน้ำมันหนึ่งแกลลอนอยู่ที่ประมาณ 4.72 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสูงที่สุดในสหรัฐฯ นอกเหนือจากรัฐแคลิฟอร์เนีย และยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ 1.10 ดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว
นอกจากนี้ ความนิยมของรถยนต์ไฮบริดในรัฐยังช่วยในการเปลี่ยนมาใช้ EV ซึ่งความกังวลเรื่องการเดินทางไกล และระยะทางที่ EV วิ่งได้ไกลต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ที่เป็นอุปสรรคสำหรับผู้ซื้อบางรายในสหรัฐฯ ไม่ใช่ปัญหาในฮาวาย
คงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ เพราะฮาวายอยู่บนเกาะ โดยแถบฮาวายมีความยาวเพียง 260 ไมล์เท่านั้น ทำให้ไม่มีใครกังวลเกี่ยวกับการเดินทางบนท้องถนน ในขณะที่ยอดขายของ Aloha Kia มีเพียงประมาณ 8% ของร้านค้าเท่านั้น แต่ก็เห็นถึงจำนวนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ข้อกังวลเรื่อง EV ในสหรัฐฯ
แม้ว่าฮาวายจะยอมรับรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่ารัฐอื่น แต่ก็ยังมีปัญหาหลายประการเกี่ยวกับการนำ EV มาใช้เหมือนกับรัฐอื่น ทั้งการขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานในการชาร์จ ความสามารถในการจ่าย และตัวเลือกยานพาหนะที่น้อยนิด
ผลสำรวจความคิดเห็นของ Gallup พบว่า 44% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ กำลังพิจารณาอย่างจริงจังหรืออาจพิจารณาในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งลดลงจาก 55% ในปีที่ผ้านมา ในขณะที่สัดส่วนที่ไม่ต้องการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น จาก 41% เป็น 48% ส่วนชาวอเมริกันที่มีรายได้สูงทั่วประเทศเป็นกลุ่มย่อยที่มีแนวโน้มจะเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุด อยู่ที่ 14% เพิ่มขึ้นจาก 6% ในปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ข้อมูลของ Edmunds ราคาเฉลี่ยที่ผู้บริโภคที่จ่าย EV จากตัวแทนจำหน่ายแฟรนไชส์ ซึ่งไม่นับรวม Tesla และ Rivian ในฮาวายในปีนี้มีมูลค่า 62,637 ดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงจาก 68,546 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีที่แล้ว แต่ก็ยังสูงกว่าราคาเฉลี่ยของรถยนต์ในฮาวายราว 12,700 ดอลลาร์สหรัฐฯ
Ivan Drury เสริมว่า การเอาชนะอุปสรรคด้านโครงสร้างพื้นฐานและค่าครองชีพที่สูงไม่ใช่สิ่งที่สามารถจัดการได้ในชั่วข้ามคืนหรือแม้กระทั่งภายในไม่กี่ปี
ที่มา CNBC, Hawaii EV Association