รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถยนต์ EV หนึ่งทางเลือกที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคการขนส่งที่ใช้พลังงานจากฟอสซิล กำลังได้รับความนิยมมาขึ้นเรื่อยๆ ทั่วโลก รวมถึง ประเทศไทย ที่กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักในภูมิภาคอาเซียน สะท้อนได้จากยอดขายรถยนต์ BEV ในปี 2566 ในภูมิภาคอาเซียนที่เพิ่มขึ้นสูงถึง 469%
ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการขับเคลื่อนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลาย คือ การลดลงของราคาแบตเตอรี่ ที่เป็นส่วนประกอบที่มีราคาสูงที่สุดในรถยนต์ไฟฟ้า โดยในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ราคาของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนลดลงกว่า 90% ทำให้การเข้าถึงรถยนต์ EV มีมากขึ้น และแข่งขันกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะที่เหตุผลที่ทำให้ผู้บริโภคยังลังเลในการหันมาใช้รถยนต์ EV คือ ‘สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า’ ที่ยังไม่เพียงพอ รวมทั้ง ‘เวลาในการชาร์จ’ ที่ใช้เวลานานพอสมควรเมื่อเทียบกับการเติมน้ำมันในรถยนต์สันดาป
SPOTLIGHT มีโอกาสเข้าร่วมงาน ‘Techsauce Global Summit 2024’ รับฟังแนวคิดของรถยนต์ไฟฟ้าประเภทใหม่ ที่ตอบโจทย์การเดินทางได้ไกล การลดมลพิษ และการประหยัดค่าใช้จ่าย ผ่านหัวข้อ ‘Future of Mobility: Powering Personal Mobility Experience’ ผ่านมุมมองของ Wessie Peng, Marketing General Manager จาก DEEPAL หรือ Changan
Wessie Peng เผยว่า ในปี 2566 ตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ในจีนกำลังเติบโตอย่างมาก เห็นได้จากยอดขายรถยนต์ BEV มากกว่า 5 ล้านคัน ส่วนหนึ่งมาจากการสร้างสถานีชาร์จที่ครอบคลุมของรัฐบาล ทำให้คนจีนหลายคนหันมาใช้รถยนต์ EV มากขึ้น รวมถึงมาตรการของรัฐที่สนับสนุนผู้ประกอบการในการผลิตรถยนต์ EV แบรนด์ท้องถิ่น
ถึงแม้จีนจะมีสถานีชาร์จรถยนต์ EV ที่เพียงพอ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าใช้เวลานานพอสมควร เมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาปที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที จึงอาจไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่มีไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ โดยเฉพาะในคนเมือง
ตรงนี้เอง ทำให้ทาง DEEPAL เห็นถึงปัญหาของผู้ใช้งาน และได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยตอบโจทย์การใช้งาน EV แบบใหม่ นั่นก็คือ ‘REEV’ หรือ ‘Range-Extended Electric Vehicle’ ระบบขับเคลื่อนไฮบริดที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับการขับเคลื่อน และมีเครื่องยนต์สันดาปภายในพร้อมเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อเพิ่มระยะการขับขี่
ถึงแม้ REEV จะผสมเครื่องยนต์สันดาปแบบเดิม และเทคโนโลยีของรถยนต์ไฟฟ้าเข้าด้วยกัน แต่ยังจัดอยู่ในกลุ่มของรถยนต์แบบ xEV (ยานยนต์ไฟฟ้า) เนื่องจากการทำงานของมัน คือ การใช้เครื่องยนต์สันดาปเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า แล้วส่งพลังงานไปยังมอเตอร์เพื่อขับเคลื่อนตัวรถ โดยล้อของรถไม่ได้รับพลังงานโดยตรงจากเครื่องยนต์ แต่จะใช้พลังงานหลักจากแบตเตอรี่ที่ชาร์จไฟจากการทำงานของเครื่องยนต์
Peng เสริมว่า เทคโนโลยี REEV สามารถทำงานได้ 4 โหมดหลักดังนี้:
นอกจากนี้ เทคโนโลยี REEV ซึ่งเปิดตัวแล้วในประเทศจีน ได้รับผลตอบรับที่ดีเยี่ยมจากการใช้เทคโนโลยี Super Range 2.0 หรือระบบ REEV ขั้นสูง
ล่าสุด มาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงขึ้นและระยะการขับขี่ที่ยาวนานกว่าเดิมด้วยนวัตกรรมจากเทคโนโลยีอันล้ำสมัย
โดยเทคโนโลยี Super Range 2.0 มีการอัปเกรดหลายประการ ทั้งการฉีดเชื้อเพลิงแรงดันสูง การจุดระเบิดพลังงานสูง การหล่อเย็นและหล่อลื่นแบบแปรผัน แบตเตอรี่ Golden Shield 2.0 ที่รับประกันอายุการใช้งานยาวนาน ปลอดภัย ประสิทธิภาพสูง และการเติมพลังงานอย่างรวดเร็วสำหรับการตรวจสอบความปลอดภัยแบบเชิงรุก
ไม่เพียงเท่านี้ ยังใช้กลุ่มอัลกอริทึมอัจฉริยะในการวิเคราะห์ข้อมูล Vehicle Cloud AI ซึ่งมีความแม่นยำเกือบ 100% ในการเตือนความปลอดภัยของแบตเตอรี่ด้วย
หลายคนอาจสงสัยว่า รถยนต์ HEV (Hybrid Electric Vehicle) และ REEV (Range-Extended Electric Vehicle) เป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งคู่ แต่มีการทำงานที่แตกต่างกันหรือไม่?
โดยหลักการแล้ว รถยนต์ HEV รวมเครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งใช้ในการขับขี่ แบตเตอรี่ชาร์จจากตัวรถเอง ส่วนรถยนต์ REEV ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก โดยเครื่องยนต์สันดาปใช้เฉพาะเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ขยายระยะทาง แบตเตอรี่ชาร์จจากภายนอกเป็นหลัก
รถยนต์ HEV:
รถยนต์ REEV:
ทั้งนี้ Peng สรุปว่า เทคโนโลยี REEV เป็นทางเลือกยานยนต์แห่งอนาคต ที่ผสมผสานการขับเคลื่อนไฟฟ้ากับความสามารถในการเดินทางไกล ลดการปล่อยมลพิษและประหยัดเชื้อเพลิงมากกว่าไฮบริดแบบดั้งเดิม เพราะเครื่องยนต์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าทำงานน้อยลงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เหมาะสำหรับทั้งการเดินทางในเมืองและระยะไกล โดยไม่ต้องหยุดชาร์จบ่อย