สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศจะเสนอขื่อ พีท เฮกเซธ พิธีกรจากสำนักข่าวฟ็อกซ์ นิวส์ ขึ้นรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ โดยกล่าวยกย่องเขาว่า “พีทเป็นคนเข้มแข็ง ฉลาด และเชื่อมั่นในนโยบายอเมริกาต้องมาก่อนอย่างแท้จริง เขาสละเวลาทั้งชีวิตเป็นนักรบในกองทัพและทำเพื่อประเทศชาติ”
พีท เฮกเซธ เป็นทหารผ่านศึกที่เคยประจำการอยู่ในอัฟกานิสถานและอิรัก โดยเริ่มต้นเป็นนายทหารราบในกองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติ และเมื่อปี 2004 เขาถูกเรียกตัวไปที่อ่าวกวนตานาโมของสหรัฐฯ ในฐานะหัวหน้าหมวดทหารราบ กองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติมินนิโซตา จากนั้นได้รับมอบหมายให้ไปประจำการในกรุงแบกแดดและซามาร์รา ประเทศอิรัก ก่อนจะกลับไปรับราชการอีกครั้งในปี 2012 ในตำแหน่งกัปตันและถูกส่งไปอัฟกานิสถาน
ทรัมป์แสดงความมั่นใจอีกว่า “หากพีทได้คุมหน่วยกลาโหมของสหรัฐฯ ก็จะทำให้ศัตรูของอเมริการู้สึกถูกกดดัน กองทัพอเมริกาจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งและไม่มีวันถดถอยอีกเลย” นอกจากนี้ ทีมที่ปรึกษาของทรัมป์ยังเปิดเผยกับซีเอ็นเอ็นถึงความแน่นแฟ้นระหว่างทรัมป์กับพีท โดยเขาเข้ามาเป็นที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการให้กับทรัมป์เป็นเวลาหลายปี และได้พิจารณาให้มีทำงานหลายตำแหน่งในรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก แต่เขาก็ปฏิเสธมาตลอด
สำหรับประวัติของพีท เฮกเซธ เขาเกิดที่รัฐมินนิโซตา จบการศึกษาระดับมัธยมปลายที่ โรงเรียนฟอเรสต์ เลค แอเรีย ก่อนที่จะศึกษาต่อในระดับชั้นปริญญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันและระดับปริญญาโทด้านนโยบายสาธารณะที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
ปัจจุบัน พีท เฮกเซธ อายุ 44 ปี เป็นพิธีกรร่วมในรายการ "Fox & Friends Weekend" ในช่วงปี 2014 - 2017 โดยฟ็อกซ์ นิวส์ ออกมาเปิดเผยในแถลงการณ์ว่า “การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกในด้านกองทัพของพีท ได้รับความสนใจจากผู้ชมเป็นอย่างมาก และทำให้รายการนี้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่เช่นทุกวันนี้ ทางสำนักข่าวภาคภูมิใจกับความสำเร็จของเขาในที่ฟ็อกซ์ นิวส์ และขอให้เขาโชคดีหากได้ทำงานกับรัฐบาลสหรัฐฯ”
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ได้รายงานในปี 2019 ว่า ขณะที่พีท เฮกเซธ เป็นพิธีกรอยู่ฟ็อกซ์ นิวส์ก็ได้สนับสนุนให้ทรัมป์อภัยโทษทหารสหรัฐฯ ที่ถูกกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรมสงคราม ทรัมป์จึงอภัยโทษทหาร 2 นาย และคืนยศให้เอ็ดดี กัลลาเกอร์ อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยซีลของกองทัพเรือ ซึ่งถูกปลดจากตำแหน่ง ซึ่งขัดต่อคำแนะนำของนายมาร์ค เอสเปอร์ รัฐมนตรีกลาโหมในขณะนั้นและผู้นำกองทัพระดับสูงคนอื่นๆ ที่เกรงว่าการอภัยโทษของทรัมป์ อาจส่งผลกระทบต่อความโปร่งใสของระบบตุลาการทหาร
ทั้งนี้ ชื่อของ “พีท เฮกเซธ” ไม่เคยปรากฏอยู่ในรายชื่อที่หลายฝ่ายคาดเดาว่า จะมานั่งเก้าอี้รัฐมนตีกลาโหมหรือแม้แต่ได้รับตำแหน่งในทำเนียบขาว และทรัมป์ไม่เคยเปิดเผยรายชื่อเขาในระหว่างการหาเสียง ทำให้สื่อมวลชนอเมริกาออกมาวิพากษ์วิจารณ์และขุดหาประวัติของพีท เพื่อวิเคราะห์เหตุผลว่า ทำไมพีทจึงเป็นคนที่ว่าที่ประธานาธิบดีต้องการให้มาดำรงตำแหน่ง
ด้านหน้าที่กระทรวงกลาโหมเปิดเผยกับซีเอ็นเอ็นว่า "ทุกคนตกใจมาก" เพราะแม้แต่เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเรื่องรายชื่อผู้ได้รับการพิจารณาก็ได้ทราบเกี่ยวกับการเสนอชื่อ พีท เฮกเซธ เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะมีการประกาศเรื่องนี้กับสาธารณะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ภายในเองก็ไม่รู้ว่าต้องแสดงท่าทีอย่างไร