กองทัพยูเครนสามารถจับเชลยทหารจีน 2 นายที่สู้รบร่วมกับรัสเซีย ในพื้นที่แคว้นโดเนตสค์ของยูเครนเมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา โดยอ้างว่ามีเอกสารทั้งบัตรธนาคารและข้อมูลประจำตัวอื่น ๆ ที่ระบุว่า พวกเขาเป็นทหารจากจีน แต่การเปิดเผยของเขายังเน้น “เล่นใหญ่” ราวกับว่าเป็นการแสดงผลงานต่อสายตาชาวโลก เพราะผู้นำยูเครนยังจับทั้งคู่นั่งกลางวงแถลงข่าวของสื่อมวลชน และยังโพสต์วิดีโอเผยให้เห็นหนึ่งในเชลยศึก ปรากฏภาพชายชาวเอเชีย ผมเกรียม ในชุดลายพราง ระหว่างกำลังถูกสอบสวนโดยกองทัพยูเครน นับเป็นการโชว์หลักฐานสร้างความน่าเชื่อถือ ในสไตล์ที่ไม่ต่างจากซีรีส์แนวสืบสวนสักเท่าไร
ในการเผยแพร่ข้อมูลครั้งนี้ ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนและรัฐมนตรีระดับสูงยังออกมาแถลงเรียกร้องคำอธิบายจากจีนอย่างแข็งขัน และยังกดดันด้วยการเรียกทูตจีนประจำยูเครนเข้าพบ พร้อมกับประณามอย่างเปิดเผยว่าจีนแอบหนุนหลังรัสเซีย ทั้งที่ก่อนหน้านี้พยายามวางตัวเป็นกลางระหว่างสงครามรัสเซียและยูเครนมาโดยตลอด
คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศมองว่าการนำเชลยศึกมาไว้ต่อหน้าสื่อมวลชน ถือเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ พร้อมตั้งคำถามว่าข้อมูลที่ยูเครนนำมาเปิดเผยต่าง ๆ เกี่ยวกับปากคำของเชลยศึก เหมาะสมแล้วหรือไม่ เพราะอาจนับว่าเป็นการไม่ปกป้องความปลอดภัยต่อชีวิตของทหารจีนเหล่านี้ในอนาคต
เชลยศึกแต่งกายด้วยชุดลายพรางและตอบคำถามเป็นภาษาจีนกลาง โดยมีเจ้าหน้าที่สอบสวนจากกองทัพยูเครน และล่ามเป็นตัวกลางแปลภาษา แม้กองทัพยูเครนจะไม่ได้ระบุชื่อเสียงเรียงนามของพวกเขา แต่ก็แฉข้อมูลลับสำคัญ เชลยคนหนึ่งเล่าว่า เดิมเขาอยู่ที่จีนแต่หลังจากเกิดวิกฤตโควิด-19 ระบาด ก็ทำให้ต้องตกงาน ซึ่งเขามีประสบการณ์ทำงานในด้านการดูแล-ฟื้นฟูผู้ป่วย และได้ทราบข่าวว่ากองทัพรัสเซียรับสมัครงานในตำแหน่งที่ใกล้เคียงกัน
ด้วยอยากได้ค่าตอบแทนเดือนละ 250,000 รูเบิล หรือประมาณเดือนละ 10,000 บาท ซึ่งได้มากกว่าทำงานในประเทศจีนถึงสองเท่า แต่เมื่อเดินทางมาถึงรัสเซียแล้ว กลับถูกจับให้เซ็นสัญญากับกองทัพรัสเซีย สัญญาดังกล่าวเป็นภาษารัสเซียที่ระบุให้พวกเขาเข้าร่วมการสู้รบ ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงการระดมพล ในกรณีฉุกเฉินและกฎอัยการศึก รวมถึงเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อรักษาและฟื้นฟูสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ และหยุดยั้งกิจกรรมก่อการร้ายระหว่างประเทศนอกอาณาเขตของสหพันธรัฐรัสเซีย
เชลยศึกอีกคนเปิดเผยว่า ในกรณีของเขาคือมีคดีความในประเทศบ้านเกิด เขาจึงอยากมาเริ่มต้นใหม่ในรัสเซีย และตนต้องจ่ายค่านายหน้า 3,840 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อที่จะเดินทางมารัสเซียด้วยซ้ำ เพราะนายหน้าอ้างว่าเขาจะได้เข้าร่วมกับกองทัพรัสเซีย และได้สัญชาติรัสเซียในท้ายที่สุด
เมื่อเดินทางมาถึง พวกเขาเล่าว่าถูกส่งเข้าสู่สนามรบแบบไม่รู้ตัว นำทัพด้วยกัปตันชาวรัสเซียที่สั่งให้ทหารจีนยิงโจมตีได้เลย แต่พวกเขาไม่รู้ว่าเป้าหมายคืออะไร ก่อนจะเห็นโดรนของยูเครนนับร้อย บินโจมตีอยู่ไม่ไกล และถูกกองทัพยูเครนจับตัวในที่สุด ขณะที่เขาหลบอยู่ใต้กำบัง นอกจากนี้ ยังเปิดเผยว่ามีทหารจีนที่อยู่ร่วมรบกับกองทัพรัสเซียอีกไม่ต่ำกว่า 155 นาย
แท้จริงแล้ว การแอบจ้างทหารต่างชาติดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในสงครามรัสเซียและยูเครน เพราะกองทัพยูเครนเจอทหารต่างชาติมาตั้งแต่ปีที่แล้ว พบว่าเป็นชาวศรีลังกา 6 คน ชาวเนปาล 7 คน นอกจากนั้นยังมีบุคคลจากโซมาเลีย สาธารณรัฐคองโก เซียร์ราลีโอน อียิปต์ และซีเรีย รวมทั้งบุคคลจากอดีตสาธารณรัฐโซเวียตอีกประมาณ 12 คน ในเดือนมกราคม ยูเครนยังจับกุมชาวเกาหลีเหนืออีก 2 คน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกำลังทหารประมาณ 14,000 นายที่รัฐบาลเปียงยางส่งมาช่วยรัสเซียสู้ศึก
แอนเดอสัน พัค นีลสัน ผู้เชี่ยวชาญจากวิทยาลัยการป้องกันประเทศแห่งเดนมาร์กเชื่อว่า การเลือกจับทหารจีนแล้วหยิบยกมาเป็นประเด็นในช่วงนี้ อาจเป็นเกมของรัฐบาลยูเครนก็เป็นได้ ท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่ร้อนระอุ ต่างฝ่ายต่างขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้กันไปมา ภาษีนำเข้าสินค้าจีนสู่สหรัฐฯ ถูกปรับขึ้นเป็น 245% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อน ขณะที่จีนและสหรัฐฯ ต่างวิ่งหาพันธมิตรร่วมรับมือสู้สงครามการค้า นานาประเทศถูกบีบให้เลือกข้างไปโดยปริยาย
ยูเครนที่ยังต้องการพึ่งหาสหรัฐฯ ในการสู้รบกับรัสเซียมาโดยตลอด จึงต้องการทำให้สหรัฐฯ เห็นว่ายูเครนเองก็กำลังทิ่มแทงจีนอยู่ด้วยเช่นกัน การจับทหารโชว์พร้อมข้อมูลโจมตีว่ารัฐบาลจีนอาจอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เป็นการเปิดฉากให้เห็นว่ารัสเซียจับมือจีนอย่างแน่นแฟ้น ในฐานะพันธมิตรทางทหารที่มีศัตรูคนเดียวกันคือ สหรัฐฯ จากเดิมที่่จีนออกตัวว่าจับมือกับรัสเซียแบบหลวม ๆ เพื่อพัฒนาทางการทูตและทางเศรษฐกิจเท่านั้น
แม้ว่าจีนจะประกาศความเป็นกลางในความขัดแย้ง แต่ยูเครนและชาติตะวันตกหลายประเทศมองว่าจีนให้การสนับสนุนรัสเซียทางอ้อมผ่านการค้าและความสัมพันธ์ทางการเมือง การจับกุมทหารจีนเป็นการเน้นย้ำถึงการมีส่วนร่วมของพลเมืองจีนในการรุกราน และเป็นการส่งสัญญาณไปยังปักกิ่งว่ายูเครนรับรู้ถึงการสนับสนุนนี้
คำแถลงของทหารจีน ดูเหมือนว่าจะเน้นหนักไปที่เส้นทางก่อนจะมาถึงกองทัพรัสเซีย ฝ่ายยูเครนอยากให้เห็นว่ารัฐบาลจีนมีส่วนเอี่ยวด้วยตรง ๆ จากการประกาศรับสมัครพลเมืองในประเทศมาเป็นแรงงานในรัสเซีย แต่ท้ายที่สุด พวกเขาถูกบังคับให้เป็นทหารร่วมรบกับรัสเซีย เหตุผลที่ยูเครนเลือกออกมาแฉโต้ง ๆ อาจเป็นวิธีกดดันจีนรูปแบบหนึ่ง เนื่องจากในเวทีโลก จีนต้องการวางตัวเป็นกลางในด้านการสู้รบ มุ่งเน้นที่เศรษฐกิจเป็นหลัก
หากจีนจะออกมาแก้เกม หนทางตามธรรมเนียมอย่างหนึ่งคือการเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันหน้าเจรจากันเพื่อสันติภาพ ก็จะเข้าทางยูเครนที่ต้องให้รัสเซียกลับสู่โต๊ะเจรจาและสร้างข้อตกลงหยุดยิงร่วมกัน เนื่องจากก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ พยายามเป็นตัวกลางในการเจรจาดังกล่าวแล้ว ท่าทีของรัสเซียดูเหมือนจะคล้อยตามกับข้อตกลง โดยยินยอมที่จะหยุดโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานต่อกันและกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว นับเป็นความล้มเหลวที่สหรัฐฯ ดีลตกลงหยุดยิงกับรัสเซียไม่สำเร็จ แถมในทางปฏิบัติ พื้นที่สงครามก็ยังโจมตีกันเดือดต่อเนื่อง จึงถูกมองว่าเป็นแค่ข้อตกลงบนกระดาษเท่านั้น
ทั้งนี้ จีนเป็นพันธมิตรมหาอำนาจของรัสเซีย และหากจีนเตือนให้รัสเซียเจรจาหยุดยิง ก็อาจจะฟังดูมีน้ำหนักมากกว่านานาประเทศที่ออกมาเรียกร้อง