ในช่วงเช้าของวันอาทิตย์ กลุ่มกบฏที่นำโดย กลุ่มฮายัต ทาห์รีร์ อัล-ชาม หรือ HTS ได้ประกาศว่าพวกเขาได้ยึดครองกรุงดามัสกัสสำเร็จแล้ว และได้ปล่อยตัวผู้ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำทหารที่ฉาวโฉ่ที่สุดในประเทศ มีชื่อว่า แซดนายา เป็นที่เชื่อกันว่าผู้สนับสนุนกลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรียหลายพันคนถูกสังหารที่นี่ในระหว่างสงครามกลางเมือง
เพียงสองชั่วโมงหลังจากนั้น ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย ผู้ปกครองประเทศมายาวนานราว 24 ปี ต่อจากบิดาของเขา ได้อพยพหนีออกนอกประเทศ โดยเจ้าหน้าที่ทหารอาวุโสรายงานว่า เขาได้บินออกจากเมืองหลวงไปยังปลายทางที่ไม่ทราบแน่ชัด หลังจากที่กลุ่มกบฏมาถึงเมืองหลวงเพียงไม่นาน
โมฮัมเหม็ด อัล-จาลาลี นายกรัฐมนตรีของรัฐบาลอัสซาด ได้ประกาศผ่านวิดีโอว่า เขาพร้อมที่จะร่วมมือกับผู้นำคนใดก็ตามที่ถูกเลือกโดยประชาชนชาวซีเรีย พร้อมสั่งการไม่ให้กองกำลังทหารเข้าประชิดสำนักงานนายกรัฐมนตรีและอาคารราชการ โดยเน้นย้ำว่าองค์กรเหล่านี้จะยังคงอยู่ภายใต้อำนาจของนายกรัฐมนตรี จนกว่าจะมีการถ่ายโอนอำนาจอย่างเป็นทางการ
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานบรรยากาศในกรุงดามัสกัสว่า ถนนที่เข้าสู่เมืองส่วนใหญ่ว่างเปล่า มีเพียงรถจักรยานยนต์ที่บรรทุกคนติดอาวุธและยานพาหนะของกลุ่มกบฏ เกิดการปล้นศูนย์การค้า ร้านค้าต่าง ๆ และร้านอาหารปิดให้บริการตามประกาศเคอร์ฟิว
จุดตรวจชายแดนระหว่างกรุงดามัสกัสและเลบานอนที่เคยเข้มงวด กลับกลายเป็นว่างเปล่า ไร้เจ้าหน้าที่ทหารควบคุม โปสเตอร์และรูปภาพของอประธานาธิบดีอัสซาดในที่สาธารณะบางแห่งถูกฉีกขาด ประชาชนในซีเรียล้มรูปปั้นของอดีตประธานาธิบดี ฮาเฟซ อัล-อัสซาด บิดาของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด
แหล่งข่าวความมั่นคงรายงานว่า กลุ่มควันดำหนาทึบพลุ่งพล่านจากย่านมัซเซห์ ซึ่งการโจมตีของอิสราเอลก่อนหน้านี้ได้มุ่งเป้าไปที่หน่วยงานความมั่นคงของรัฐซีเรีย รวมถึงเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะๆ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองของกลุ่มกบฎ
เช้านี้ รัฐบาลรัสเซียเปิดเผยว่า ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย และครอบครัว เดินทางมาถึงรัสเซียแล้ว และได้รับอนุญาตให้ลี้ภัยทางการเมืองจากทางการรัสเซีย พวกเขาได้สิทธิ์ลี้ภัยให้พำนักอยู่ที่กรุงมอสโก โดยรัฐบาลรัสเซียอ้างเหตุผลด้านมนุษยธรรม ขณะที่กระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย กำลังติดตามเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นในซีเรีย ด้วยความกังวลอย่างยิ่ง