ปัญหาแก๊งหลอกหลวงออนไลน์เป็นปัญหาใหญ่ในพื้นที่ชายแดนของไทย ทั้งติดกับเมียนมา ลาวและกัมพูชา โดยมีการล่อลวงประชาชนจากทั่วโลกให้ตกเป็นเหยื่อ และต่อมาถูกบังคับใช้แรงงานในกิจกรรมหลอกลวงทางออนไลน์
ธุรกิจเหล่านี้บังคับให้แรงงานที่ถูกค้ามนุษย์ โทรศัพท์หาคนในภูมิภาคเอเชีย เพื่อโน้มน้าวให้ลงทุนในแผนการหลอกลวงหรือการลงทุนปลอม นับเป็นงานหนักของไทยที่เผชิญกับปัญหานี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รายงานของสหประชาชาติเมื่อเดือนสิงหาคม 2023 ระบุว่า มีผู้คนอย่างน้อย 120,000 คนในเมียนมา และอีก 100,000 คนในกัมพูชา ที่ถูกบังคับให้ทำงานในโครงการหลอกลวงทางไซเบอร์
สงครามในเมียนมา ทำให้กลุ่มอาชญากรรมจีนสีเทาขยายอิทธิพลเข้ามา แม้จะมีการปราบปรามบางครั้งจากรัฐบาลจีน แต่แก๊งเหล่านั้นก็เข้ามาตั้งโรงงานและบริษัทในหลายเมือง พวกเขาหลอกลวงผู้คนจากทั่วโลก เพื่อบังคับให้มาทำงานหลอกลวงผู้คนทางออนไลน์ และใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในการเดินทาง
มีรายงานว่า แก๊งหลอกลวงออนไลน์เข้าไปตั้งรกรากในเมืองชเวโก๊กโก่ และพื้นที่อื่นๆ ในเมืองเมียววดี บริเวณชายแดนไทย ถึงแม้ว่าเมื่อต้นปี 2024 กองกำลังกะเหรี่ยงพิทักษ์ชายแดน (BGF) ซึ่งมีฐานที่มั่นในเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สั่งให้แก๊งหลอกลวงอพยพออกไปจาก "เมืองใหม่ชเวโก๊กโก่" ภายในระยะเวลา 6 เดือน คือตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 31 ตุลาคม แต่ชเวโก๊กโก่ก็ยังคงมีแก๊งหลอกลวงออนไลน์อยู่ดี
อดีตลูกจ้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์เล่าว่า ยังคงมีแก๊งหลอกลวงบางส่วนปฏิบัติการอยู่ในเมืองใหม่ชเวโก๊กโก่ ตามแนวริมแม่น้ำตองยิน หรือไทยเรียกว่าแม่น้ำเมย รวมถึงใกล้ชายแดนพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ
แม้ว่าทางการไทยจะเพิ่มความเข้มงวดในการปราบปรามแก๊งหลอกลวงตามแม่น้ำเมย แต่แก๊งเหล่านี้ยังคงมีอิทธิพลในฝั่งเมียนมาของแม่น้ำดังกล่าว นักวิเคราะห์การเมืองชาวกะเหรี่ยงมองว่า แก๊งหลอกลวงใช้ประโยชน์จากการที่พื้นที่ต่างๆของเมียนมา ไม่มีรัฐบาลบริหารท้องถิ่น
นอกจากบริเวณดังกล่าวแล้ว แก๊งชาวจีนสีเทาที่เคยตั้งฐานอยู่ในรัฐฉานและรัฐกะเหรี่ยง รวมถึงพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำในลาวตอนเหนือ เริ่มย้ายมายังเมืองพญาตองซู ใกล้ชายแดนไทย-รัฐมอญ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รัฐบาลทหารเมียนมาไม่ได้เข้ามาบริหารจัดการใดๆมานานเกือบสองปี
ด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาลทหารที่เคลื่อนไหวอยู่บริเวณชายแดนไทย-เมียนมาเผยว่า แม้พวกเขาจะทราบถึงการหลั่งไหลเข้ามาของแก๊งมิจฉาชีพจีนในพื้นที่ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในจุดที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ในขณะนี้ และที่สำคัญ กลุ่มกบฏจำเป็นต้องหาเงินทุนมาสนับสนุนตนเองและซื้ออาวุธเพื่อสู้กับรัฐบาลทหาร
นอกเหนือจากนั้น ยังมีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมืองลา ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่อิทธิพลของกลุ่มว้า และติดกับชายแดนจีน
เมื่อปี 2024 ทางการลาวได้ประกาศให้ธุรกิจผิดกฎหมายในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำปิดตัวลง ก่อนจะเข้าไปตรวจค้น พบธุรกิจของแก๊งหลอกลวงออนไลน์ถึง 16 แห่ง และสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ราว 60 คน ประกอบไปด้วยชาวลาวและชาวจีน โดยธุรกิจเหล่านั้นคือเปิดเป็นแก๊งหลอกลวงออนไลน์
เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำโขงในแขวงบ่อแก้ว เป็นศูนย์กลางของการพนันและการท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน แต่ยังกลายเป็นแหล่งรวมของการหลอกลวงออนไลน์ การค้ามนุษย์ การค้าประเวณี และการค้ายาเสพติดผิดกฎหมายด้วย โดยปฏิบัติการหลอกลวงออนไลน์ที่ดำเนินการโดยแก๊งจีนเทาในพื้นที่นี้ มักมุ่งเป้าไปที่การหลอกลวงให้ลงทุนในโครงการปลอม โดยคนงานในศูนย์หลายแห่งมักถูกบังคับใช้แรงงานและไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากพื้นที่
รายงานจากสถาบันสันติภาพแห่งสหรัฐฯ (USIP) พบว่า ในประเทศกัมพูชา มีคนที่ทำงานในแก๊งหลอกลวงออนไลน์ประมาณ 100,000 คน สร้างรายได้ประมาณ 12.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2023 ซึ่งคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของ GDP อย่างเป็นทางการของประเทศ
รายงานยังระบุว่า ศูนย์ปฏิบัติการส่วนใหญ่ที่ใช้เป็นที่ตั้งของกลุ่มผู้หลอกลวงนี้ดำเนินการโดยแก๊งชาวจีน แม้ว่าบางส่วนจะมีการเชื่อมโยงกับกลุ่มชนชั้นนำในท้องถิ่น
ในกัมพูชา มีรายงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์เปิดอาณาจักรในหลายเมือง เช่น กรุงพนมเปญ กันดาล พระตะบอง เกาะกง บาวิต พระสีหนุ อุดรมีชัย สวายเรียง แต่ที่คนไทยรู้จักกันดีก็จะมีเมืองปอยเปต ที่จังหวัดบันทายมีชัย และเมืองสีหนุวิลล์
โดยที่ปอยเปต มีกรณีชายไทยตกตึกเสียชีวิต โดยแหล่งข่าวด้านความมั่นคง ระบุว่า ชายคนนี้ ร่วมอยู่ในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คาดกันว่า อาจทำยอดหรือรายได้ไม่ถึงเป้าตามที่กำหนด จึงเกิดความเครียด ก่อนที่จะตัดสินใจปีนหน้าต่างของชั้น 14 ตึก 18 ชั้น กระโดดลงมาด้านล่าง
ส่วนที่สีหนุวิลล์ ผู้สื่อข่าวของ Voice of Democracy ซึ่งปิดตัวลงไปแล้ว เคยส่งนักข่าวชาวกัมพูชาเข้าไปรายงานข่าวเรื่องแก๊งหลอกลวงออนไลน์ในเมืองสีหนุวิลล์ แต่กลับถูกตำรวจควบคุมตัว นักข่าวระบุว่า ได้เข้าไปสำรวจพื้นที่และพยายามหาข้อมูล ทั้งพยานบุคคล และพยายามหาว่าใครเป็นเจ้าของบริษัทคอลเซ็นเตอร์ แต่บางครั้งก็รู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในอันตรายที่จะไปทำข่าวแก๊งเหล่านี้