แอลเอยังดับไฟป่าไม่ได้ ผู้ประสบภัยฮึดสู้ ปกป้องบ้าน 7 หลัง
CNN รายงานเกาะติดสถานการณ์ไฟป่าลอสแอนเจลิสต่อเนื่องเป็นเวลา 1 สัปดาห์แล้ว ล่าสุด เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังอยู่ในช่วงวิกฤตของการต่อสู้กับไฟป่าที่ลุกลามในหลายเขตของนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐฯ เนื่องจากลม “ซานตาแอนา” ที่พัดผ่านในพื้นที่ กลับมากระโชกแรงมากกว่า 112 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
คอนเทนต์แนะนำ
ส่วนขณะนี้ตัวเลขผู้เสียชีวิตยังคงอยู่ที่ 24 ราย ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยราย 15,000 นาย ยังคงทำงานหนักเพื่อดับไฟและเร่งให้ความช่วยเหลือเหยื่อผู้ประสบภัยในพื้นที่
แกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย คาดว่าอาจมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่านี้ในเหตุไฟป่ารุนแรง ขณะที่ชาวลอสแอนเจลิสเคาน์ตี้มากกว่า 92,000 คน อยู่ภายใต้คำสั่งให้อพยพ และมีคำเตือนให้ชาวเมือง 89,000 คน เตรียมพร้อมอพยพไว้ทุกเมื่อ เพราะมีความเสี่ยงที่ไฟป่าอาจลุกลามได้
CNN เชื่อว่า ไฟป่าที่เขตอีตันและเขตพาลิเซดส์น่าจะมีความรุนแรงเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์แคลิฟอร์เนีย พื้นที่ทั้งหมดที่ถูกไฟไหม้ที่พาลิเซดส์ อีตัน และเฮิร์สต์มีเนื้อที่เกือบ 100 ตารางกิโลเมตร ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่ากรุงปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศสเสียอีก
สำหรับเหตุไฟป่าที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์แคลิฟอร์เนีย เกิดขึ้นในปี 2018 ที่เรียกว่า ‘แคมป์ ไฟร์เออร์’ (Camp Fire) มีผู้สูญหายกว่า 1,300 คน ผู้เสียชีวิต 76 คน ทำลายบ้านเรือนเกือบ 10,000 หลัง และอาคารอีก 2,400 หลัง
LA ประกาศจะตัดไฟในพื้นที่ความเสี่ยงสูง
สำนักงานการประปาและไฟฟ้าลอสแอนเจลิส (LADWP) ประกาศจะตัดไฟฟ้าในอีก 2-3 วันข้างหน้าในพืนที่ที่มีความเสี่ยงสูงว่าจะเกิดไฟป่า เนื่องจากคาดว่า จะมีลมแรงพัดมาถึงช่วงเช้าตรู่ในสุดสัปดาห์นี้ พร้อมขอให้ประชาชนในพืนที่เตรียมความพร้อมกับเหตุไฟดับที่อาจเกิดขึ้นได้นานกว่า 48 ชั่วโมง และยังไม่นับรวมเวลาที่เจ้าหน้าที่จะต้องซ่อมแซมอุปกรณ์ที่เสียหายให้กลับมาใช้งานไฟฟ้าได้อีกครั้ง
LADWP แนะนำให้ประชาชนชาร์จโทรศัพท์มือถือให้เต็ม และสำรองแบตเตอรีในเครื่องชาร์จแบบพกพาหรือพาวเวอร์แบงค์ไว้จนเต็ม รวมถึงเตรียมไฟฉายและแบตเตอรีสำรองไว้ใกล้ตัว
ทั้งนี้ การตัดไฟฟ้าในพื้นที่เสี่ยงจะช่วยป้องกันการลุกลามของไฟป่า และไม่ให้สายไฟฟ้าตกลงมาโดนเจ้าหน้าที่และเป็นอันตรายถึงชีวิต ขณะเดียวกันก็เป็นอุปสรรคต่อการป้องกันไฟลุกลามเช่นกัน โดยก่อนหน้านี้ Southern California Edison เคยตัดกระแสไฟฟ้าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเผชิญกับการขาดแคลนน้ำจากหัวดับเพลิง โดยเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องสูบน้ำเข้าไปในถังเก็บน้ำให้มีระดับความสูงเหนือสายฉีดดับเพลิง แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสูบน้ำออกจากถังเก็บน้ำแล้ว ก็ไม่สามารถเติมน้ำได้อีก เนื่องจากไฟฟ้าถูกตัด จึงไม่สามารถสูบน้ำไปยังที่ที่ต้องการได้
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จึงสั่งการให้ระมัดระวังและนำเครื่องปั่นไฟเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าวเพื่ออำนวยความสะดวกในการสูบน้ำ
คำบอกเล่าของ “คนที่ไม่อพยพ”
ขณะที่ไฟป่าอีตันลุกลามไปทั่วเมืองอัลตาดีนา อันโตนิโอ อันโตเน็ตติ ชายเจ้าของบ้านวัย 66 ปี มุ่งมั่นที่จะอยู่ในพื้นที่ต่อไปเพื่อปกป้องบ้านของเขาเอง แม้ว่าก่อนหน้านี้ เพื่อนบ้านจะโทรมาโน้มน้าวในอพยพออกจากพื้นที่ และมาเคาะประตูถึงหน้าบ้านเพื่อที่จะพาอพยพไปพร้อมกัน แต่เขากลับปฏิเสธและยืนยันว่าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ขณะที่เพื่อนบ้านในวัย 60 ปีอีก 2 คนก็ปฏิเสธที่จะอพยพออกจากพื้นที่เช่นกัน
การเฝ้าระวังในพื้นที่ ทำให้อันโตนิโอ อันโตเน็ตติ ต่างวิ่งจากบ้านหนึ่งไปอีกบ้านหนึ่งเพื่อดับไฟที่ลุกไหม้ในสนามหญ้าของเพื่อนบ้านและสามารถรักษาบ้านจากการถูกไฟป่าเผาทำลายได้ทั้งหมดถึง 7 หลัง รวมถึงบ้านของตนด้วย เขาเล่าว่ากุญแจสำคัญของแผนของเขาคือการหมุนท่อน้ำในบ้านของเพื่อนบ้านทุกคนเพื่อให้เข้าถึงได้ง่าย โดยสนามหญ้าและรั้วเป็นส่วนแรกที่ติดไฟ ดังนั้นเขาจะดับไฟเหล่านั้นและมันช่วยให้ไฟไม่ลามไปยังบ้านเรือน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจตอบสนองต่อการรายงานไฟป่าลุกลามอย่างรวดเร็วและส่งเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมเพื่อรักษาความปลอดภัยในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม มีผู้ที่ไม่อพยพบางส่วนไม่ได้โชคดีหรืออยู่ในสภาวะที่จะปกป้องบ้านได้เหมือนอันโตนิโอ อย่างเช่น ดาลีส เคอร์รี วัย 95 ปี อดีตนักแสดงตัวประกอบหนังฮอลลีวูดที่อยู่ในบ้านขณะที่เกิดไฟป่าที่เขตอีตัน แม้ว่าหลานสาวของเธอที่อยู่คนละเมืองได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแจ้งให้นำตัวเธอออกมาจากบ้านอย่างเร่งด่วน แต่ในอีก 15 นาทีถัดมา เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากตำรวจว่าบ้านของคุณยายได้ถูกเผาเสียแล้ว และหญิงวัย 95 ปีก็เสียชีวิตลงจากเหตุไฟป่า
ก่อนเสียชีวิต ดาลีสได้ฝากข้อความทางวอยซ์เมลลเอาไว้ เธอกล่าวว่า “สวัสดี พระเจ้ารักคุณมาก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ขอให้มีความสุขนะ โอเคไหม ฝากข้อความไว้กับฉัน และจำไว้เสมอว่าคุณจะได้รับพรมากมาย!”
