นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล เตือนฮามาสว่า จะยุติการหยุดยิงในฉนวนกาซาและกลับมาเปิดฉากสู้รบอย่างหนักอีกครั้ง หากกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ไม่ปล่อยตัวประกันภายในเวลา 12 นาฬิกาของวันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ นี้ โดยเนทันยาฮูเปิดเผยว่า เขาสั่งการให้กองกำลังอิสราเอลเข้าประจำการทั้งในและรอบๆ ฉนวนกาซา เพื่อตอบโต้ หลังจากฮามาสประกาศเลื่อนการปล่อยตัวประกันอย่างไม่มีกำหนด
อย่างไรก็ตาม เนทันยาฮูไม่ได้ระบุแน่ชัดว่า เขาต้องการให้ปล่อยตัวประกันทั้งหมด 76 คนที่ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ หรือเพียงแค่ 3 คนที่มีกำหนดจะได้รับการปล่อยตัวในวันเสาร์นี้ แต่รัฐมนตรีคนหนึ่งยืนยันว่าหมายถึงทุกคน
ด้านฮามาสตอบโต้ว่า พวกเขายังคงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง และกล่าวหาว่าอิสราเอลต้องรับผิดชอบต่อความซับซ้อนหรือความล่าช้าที่เกิดขึ้น
ฮามาสกล่าวหาอิสราเอลว่า ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลา 3 สัปดาห์ เช่น เข้าไปขัดขวางความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่จำเป็น ซึ่งอิสราเอลได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
ฮามาสตัดสินใจที่จะเลื่อนการปล่อยตัวประกันที่มีกำหนดการในสุดสัปดาห์นี้ ทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เสนอแนะให้อิสราเอลยกเลิกข้อตกลงหยุดยิง และ "ปล่อยให้นรกแตก" เว้นแต่ตัวประกันจะได้รับการปล่อยตัวภายในวันเสาร์
หลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคงของอิสราเอลเป็นเวลา 4 ชั่วโมงเมื่อวันอังคาร นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ได้แถลงผ่านวิดีโอว่า เขายินดีต่อข้อเรียกร้องของประธานาธิบดีทรัมป์ เนื่องจากฮามาสประกาศว่าจะละเมิดข้อตกลงและไม่ปล่อยตัวประกัน เขาจึงได้สั่งให้กองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล (IDF) เข้าประจำการทั้งในและรอบๆ ฉนวนกาซาแล้ว
หลังจากนั้น นายกฯเนทันยาฮูได้ออกคำสั่งซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นเอกฉันท์จากคณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคงว่า หากฮามาสไม่ปล่อยตัวประกันภายในเที่ยงวันเสาร์ การหยุดยิงจะสิ้นสุดลง และกองกำลัง IDF จะกลับมาสู้รบอย่างหนักจนกว่าฮามาสจะพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ฮามาสได้ย้ำจุดยืนปฏิเสธแผนการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้สหรัฐฯ เข้าควบคุมฉนวนกาซาหลังสงคราม และย้ายถาวรประชาชนชาวปาเลสไตน์จำนวนสองล้านคน เพื่อปรับปรุงฉนวนกาซาใหม่และพัฒนาให้เป็น "ริเวียราแห่งตะวันออกกลาง"
ฮามาสระบุว่า คำพูดของทรัมป์เป็นการเหยียดเชื้อชาติและเป็นการเรียกร้องให้ล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งมุ่งหวังที่จะทำลายล้างประเด็นปาเลสไตน์และเป็นการปฏิเสธสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนชาวปาเลสไตน์
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กษัตริย์อับดุลลาห์แห่งจอร์แดนเสด็จฯเยือนทำเนียบขาว และทรัมป์ ได้ยืนยันอีกครั้งว่า สหรัฐฯ จะเข้าควบคุมฉนวนกาซาต่อหน้าพระพักตร์ของกษัตริย์จอร์แดน
ทั้งนี้ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้แสดงท่าทีว่า สหรัฐฯอาจระงับความช่วยเหลือต่อจอร์แดนและอียิปต์ หากทั้งสองประเทศไม่ยอมรับชาวปาเลสไตน์ที่ถูกย้ายถิ่นฐานจากฉนวนกาซา
อย่างไรก็ตาม จอร์แดน ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง ได้ปฏิเสธข้อเสนอของทรัมป์อย่างชัดเจน เพราะขณะนี้มีชาวปาเลสไตน์พำนักอยู่ในจอร์แดนหลายล้านคนแล้ว และภายหลังการพบปะหารือกัน กษัตริย์อับดุลลาห์ทรงกล่าวหลังการประชุมว่า จุดยืนที่แน่วแน่ของจอร์แดนคือการต่อต้านการย้ายถิ่นฐานของชาวปาเลสไตน์