เมืองสแกมเมอร์ที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดในเมียนมาเวลานี้ กำลังสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คนทั่วโลก และยังเป็นปัญหาความมั่นคงที่ไทยและจีนต้องรับมือ โดยมีรายงานว่า กองกำลัง BGF ที่มีหม่อง ชิต ตู เป็นผู้นำ เป็นกลุ่มที่ทรงอิทธิพลในเมืองชเวโก๊กโก่ เมืองสแกมเมอร์ที่อยู่ติดชายแดนไทย อย่างไรก็ตาม หม่อง ชิต ตูอ้างว่า ทางกลุ่ม BGF กวาดล้างกลุ่มผิดกฎหมายเหล่านั้นมาโดยตลอด
ขณะที่ในเมืองโกก้าง ทางตอนเหนือของเมียนมาติดกับจีน บริเวณดังกล่าวยังเคยมีกลุ่มจีนเทาที่ทรงอิทธิพลอย่าง "ตระกูลหมิง" ยึดครองมาเป็นเวลานาน จนตอนนี้ พวกเขาถูกจับและถูกดำเนินคดีในประเทศจีน
กองกำลังพิทักษ์ชายแดน (Border Guard Force - BGF) ของหม่อง ชิต ตู ถูกกล่าวหาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตั้งกาสิโนและบริษัทหลอกลวงออนไลน์ในเมืองเมียวดี ซึ่งอยู่ติดชายแดนไทย โดยมีรายงานว่า BGF เป็นพันธมิตรกับรัฐบาลทหารเมียนมา นำโดยพลเอกมิน อ่อง หล่าย และ BGF มอบรายได้ให้กับกองทัพเมียนมาถึง 50% จากรายได้ทั้งหมดประมาณ 192 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี ส่วนใหญ่ได้มาจากโครงการชเวโก๊กโก่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางแก๊งหลอกลวงออนไลน์ที่ดำเนินการโดยกลุ่มจีนเทา
Irrawaddy รายงานว่า BGF ก่อตั้งโครงการชเวโก๊กโก่ร่วมกับนายเฉอ เจ้อเจียง นักธุรกิจชาวจีน แต่นายเฉอ ถูกจับกุมในประเทศไทยเมื่อปี 2022 ตามหมายจับระหว่างประเทศ และกำลังรอการส่งตัวกลับไปยังประเทศจีนเพื่อเผชิญข้อกล่าวหาในการดำเนินกิจการการพนันอันผิดกฎหมาย
หม่อง ชิต ตูถือหุ้นและดำรงตำแหน่งกรรมการในบริษัทต่างๆที่มีกองกำลัง BGF เป็นเจ้าของอย่างน้อย 5 แห่ง อีกทั้งยังสามารถควบคุมกิจการหลักของกองกำลังติดอาวุธร่วมกับครอบครัวของเขา Nan Khin Hla Thu ภรรยาของเขา มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจบางส่วน แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นลูกชายสองคนที่ถือหุ้นและช่วยพ่อบริหารงาน โดยบุตรชายสองคนของเขา ได้แก่ ซอ ทู เอ มู (Saw Htoo Eh Moo) และ ซอ ชิต ชิต (Saw Chit Chit) ทั้งสองคนมียศพันตรี ในกองกำลัง BGF
หม่อง ชิต ตูยังมีลูกสาวหนึ่งคน ชื่อ Nan Hnin Nandar Aye ถือหุ้นและดำรงตำแหน่งกรรมการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ BGF เช่นกัน
จากข้อมูลในทะเบียนธุรกิจของเมียนมาเมื่อปี 2022 ก่อนที่รัฐบาลทหารจะจำกัดการเข้าถึงข้อมูลพบว่าหากรวมการถือหุ้นของหม่อง ชิต ตูและบุตรทั้งสามคน ครอบครัวนี้มีอำนาจครอบครองหุ้น 50% หรือมากกว่านี้ในธุรกิจ BGF ถึง 6 แห่ง
กองกำลัง BGF ยังก้าวเข้ามามีบทบาทใน Dongmei Park หรือดงเหมยปาร์ค ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทสีเทาต่างๆ อยู่ทางตอนใต้ของเมืองเมียวดี หนึ่งในนักลงทุนหลักของที่นี่คือ Wan Kuok-koi อดีตผู้นำของ 14K Triad ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรอาชญากรรมรายใหญ่ในจีน โดยปัจจุบันเขายังถูกตำรวจมาเลเซียออกหมายจับด้วย
สื่อของทางการจีนรายงานเมื่อวานนี้ (20 กุมภาพันธ์) ว่า ศาลประชาชนกลางเหวินโจว มณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกของประเทศจีน ได้จัดการพิจารณาคดีสาธารณะในชั้นต้น ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 14 ถึงวันพุธ19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สำหรับจำเลย 23 รายจาก “ตระกูลหมิง” ซึ่งต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดหลายอย่าง โดยคาดว่า ขบวนการดังกล่าวเชื่อมโยงธุรกิจพนันและฉ้อโกงที่มีมูลค่าความเสียหายเกินกว่า 10,000 ล้านหยวน และพวกเขายังเป็นเหตุให้ชาวจีนเสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บอีก 6 ราย
สำหรับจำเลยในคดีนี้ได้แก่ หมิง กั๊วผิง (Ming Guoping), หมิง เจิ้นเจิ้น (Ming Zhenzhen), ปี ฮุ่ยจวิน (Bi Huijun), หมิง จู้หลาน (Ming Julan) และ อู หงหมิง (Wu Hongming) โดยถูกตั้งข้อหาหลายกระทง รวมถึง ฉ้อโกง, ฆาตกรรมโดยเจตนา, ทำร้ายร่างกายโดยเจตนา, กักขังโดยมิชอบ, กรรโชกทรัพย์, เปิดบ่อนการพนัน, จัดการค้าประเวณี, ค้ายาเสพติด, จัดการข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย และ ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน
รายงานระบุว่า แก๊งตระกูลหมิงเริ่มขยายอิทธิพลตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา นำโดยสมาชิกหลักในครอบครัว หมิง ซือชาง ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว หมิง กั๊วอัน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีแยกต่างหาก และคนอื่นๆ
สำหรับกลุ่มดังกล่าวเข้าไปขยายอิทธิพลในพื้นที่เมืองโกก้าง ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศเมียนมาติดกับกับจีน จัดตั้งบริษัทหลอกลวงออนไลน์ และยังร่วมมือกับเครือข่ายอาชญากรรมกระทำผิดกฎหมายหลายอย่าง ทั้งการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมข้ามแดน, ฆาตกรรมโดยเจตนา, ทำร้ายร่างกาย, กักขังโดยมิชอบ, การเปิดบ่อนการพนัน, ค้ายาเสพติด และจัดการค้าประเวณี