แม้ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะประกาศว่า เขาจะยุติสงครามยูเครนให้ได้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังตำแหน่ง แต่ในความเป็นจริง สงครามยูเครนมีความซับซ้อนมากกว่านั้น วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2025 ครบ 3 ปีสงครามเริ่มต้นขึ้น ซึ่งนับจนถึงขณะนี้ ทั้งยูเครนและรัสเซียต่างสูญเสียทั้งทหารและเศรษฐกิจไม่ต่างกัน
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า สันติภาพจะยังไม่บังเกิด เพราะในการเจรจาเพื่อยุติสงครามล่าสุด สหรัฐฯที่เป็นตัวตั้งตัวตีเลือกที่จะเจรจากับรัสเซีย และไม่เชิญยูเครนเข้าร่วมด้วย รวมถึงตัดยุโรปออกจากสมการนี้ สร้างความไม่พอใจให้แก่ยูเครนอย่างยิ่ง
ส่วนท่าทีระหว่างทรัมป์ และประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครนก็เปลี่ยนแปลงไป มีการปะทะคารมกัน ตั้งแต่ทรัมป์กล่าวหาว่า เซเลนสกีเป็นเผด็จการ เพราะไม่ยอมจัดการเลือกตั้งใหม่ เนื่องจากทราบดีว่าคะแนนความนิยมตนเองลดลง ขณะที่เซเลนสกีก็ออกมาบอกว่า เสียดายที่เคยเคารพทรัมป์ และตัวเขาเองพร้อมยอมลาออก เพื่อแลกกับการที่ยูเครนได้เข้าร่วมนาโต การันตีความมั่นคงของยูเครนว่าจะไม่ถูกรุกรานอีก
ในฝั่งของยูเครน ในปี 2022 อันเป็นผลจากการรุกรานของรัสเซียอย่างเต็มรูปแบบ GDP ของยูเครนลดลงเกือบ 30% อย่างไรก็ตาม ในปี 2023 เศรษฐกิจฟื้นตัวเกินความคาดหมาย โดยธนาคารแห่งชาติยูเครน (NBU) ประเมินว่าอัตราการเติบโตของ GDP ที่แท้จริงในปีที่แล้วอยู่ที่ 5.7%
แต่นับตั้งแต่การรุกรานยูเครนครั้งใหญ่ เศรษฐกิจของรัสเซียได้แสดงความแข็งแกร่งเกินกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ เพราะถึงแม้จะโดนคว่ำบาตรจากหลายฝ่าย แต่เศรษฐกิจของรัสเซียกลับเริ่มฟื้นตัวได้ โดย GDP ของรัสเซียกลับเติบโตขึ้น 3.6% ในปี 2023 และเพิ่มขึ้นอีก 4.1 % ในปี 2024
ดัชนีสำคัญต่าง ๆ เช่น การเติบโตของ GDP รายได้ครัวเรือน และอัตราการว่างงานต่ำ กลายเป็นจุดเด่นที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน นำมาใช้เป็นไพ่ตาย โดยเขาแสดงให้ชาติตะวันตกเห็นว่า มาตรการคว่ำบาตรไม่มีผลกระทบ และชูให้คู่ค้าในเอเชียและแอฟริกามองว่ารัสเซียมีนโยบายเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขแน่ชัดจากทั้งสองฝ่ายว่าสูญเสียทหารไปเท่าใด นับตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้นในปี 2022 แต่สหประชาติคาดการณ์ว่า มีทหารหลายหมื่นนายจากทั้งสองฝ่ายเสียชีวิต โดยจนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2024 ยูเครนรายงานว่า ทหารรัสเซีย 427,000 นาย เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บจากสงครามในปี 2024 ตามข้อมูลจากพลเอกโอลิคซานเดอร์ ซิร์สกี้ (Oleksandr Syrskii) ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของยูเครน
ขณะที่ฝั่งยูเครน ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า มีทหารยูเครนมากกว่า 46,000 นายเสียชีวิตในสมรภูมิ ตั้งแต่เริ่มการบุกเต็มรูปแบบของรัสเซียในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 และก่อนหน้านั้น เซเลนสกีเคยเปิดเผยตัวเลขผู้บาดเจ็บทั้งหมดอยู่ที่ 390,000 ครั้งในสมรภูมิ แต่จำนวนทหารที่ได้รับบาดเจ็บจริงอาจน้อยกว่าตัวเลขนี้ เนื่องจากบางคนได้รับบาดเจ็บหลายครั้งในเหตุการณ์ที่แยกจากกัน
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยูเครนหลีกเลี่ยงที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับการสูญเสียของตนเองในช่วงสองปีแรกของสงครามเต็มรูปแบบ จนกระทั่งเซเลนสกีประกาศในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ว่าทหารยูเครน 31,000 นายเสียชีวิต แต่ในฝั่งของรัสเซียไม่เคยออกมาเปิดเผยตัวเลขดังกล่าวเลย
พื้นที่ที่รัสเซียยึดครองในปี 2024 มีขนาดเป็นสองเท่าของประเทศมอริเชียสในมหาสมุทรอินเดีย และใหญ่กว่านครนิวยอร์กถึง 5 เท่า โดยส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ทุ่งนา หมู่บ้าน และเมืองขนาดกลาง โดยผู้เชี่ยวชาญมองว่า การยึดครองพื้นที่ของรัสเซียในยูเครน ไม่ได้ส่งผลกระทบทางยุทธศาสตร์มากนัก ยูเครนสามารถอยู่รอดและเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโดยไม่ต้องมีพื้นที่ที่รัสเซียยึดครองในปัจจุบัน แต่สิ่งที่สำคัญคือความมั่นคงสำหรับส่วนที่เหลือของยูเครน และสำหรับรัสเซีย พื้นที่ที่ยึดได้แทบไม่มีผลกระทบเชิงบวกทางเศรษฐกิจหรือยุทธศาสตร์ของรัสเซียเท่าใดนัก
นับตั้งแต่เกิดการรุกรานในปี 2022 ยูเครนสูญเสียพื้นที่ 11% โดยในช่วงเริ่มต้นของสงคราม ยูเครนสามารถปกป้องกรุงเคียฟและต่อมาสามารถเอาชนะได้ในบางส่วนของคาร์คีฟและเคอร์ซอน ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญ แต่ในขณะเดียวกัน ยูเครนก็ประสบกับการสูญเสียอย่างมากในพื้นที่ตะวันออกบริเวณรอบๆโดเนตสค์และบัคมุท
อย่างไรก็ตาม หากรวมพื้นที่ที่สูญเสียไปแล้วนับตั้งแต่รัสเซียยึดไครเมียในปี 2014 CNN รายงานว่า พื้นที่ทั้งหมดที่ยูเครนสูญเสียไปให้กับรัสเซีย จะอยู่ที่ประมาณ 18%
ส่วนจนถึงปลายปี 2024 มีชาวยูเครนประมาณ 3.7 ล้านคนที่ยังคงเป็นผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ และอีก 6.9 ล้านคนที่หลบหนีไปยังประเทศอื่นเพื่อขอรับการลี้ภัยและความช่วยเหลือ จำนวนผู้พลัดถิ่นภายในประเทศลดลงเกือบ 40% ตั้งแต่เริ่มสงคราม ขณะที่จำนวนผู้ที่ขอลี้ภัยในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเกือบ 19%