นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษ จับมือทักทายและเข้าสวมกอดกับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครน ขณะผู้นำยูเครนเยือนกรุงลอนดอน โดยนายกฯอังกฤษยืนยันว่า สหราชอาณาจักรให้การสนับสนุนยูเครนอย่างเต็มที่
ด้านผู้นำยูเครนกล่าวว่า เขารู้สึกยินดีที่ประเทศของตนมีมิตรที่ดีเช่นนี้ นอกจากนี้ เซเลนสกีและสตาร์เมอร์ยังได้ลงนามในข้อตกลงเงินกู้มูลค่า 2,260 ล้านปอนด์ (ประมาณ 100,000 ล้านบาท) สำหรับการจัดหาอาวุธให้แก่ยูเครน โดยเงินกู้ดังกล่าวจะได้รับการชำระคืนจากผลกำไรของทรัพย์สินรัสเซียที่ถูกอายัด
นายกรัฐมนตรีอังกฤษยังเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปที่ลอนดอนในวันอาทิตย์นี้ (2 มีนาคม 2025) เพื่อหารือแนวทางยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงพูดคุยถึงประเด็นความมั่นคงของยุโรป ขณะที่เซเลนสกีจะเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 อีกด้วย
การเดินทางเยือนอังกฤษของเซเลนสกีมีขึ้น หลังการพบปะกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ซึ่งจบลงด้วยความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่าย
ขณะพบปะหารือกัน ยังมีประชาชนที่ให้การสนับสนุนยูเครนมารวมตัวด้านนอก โดยเซอร์เคียร์ ได้กล่าวถึงเสียงเชียร์ที่ดังขึ้นจากประชาชนภายนอกว่า นั่นคือเสียงของประชาชนแห่งสหราชอาณาจักรที่ออกมาแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสนับสนุนยูเครนมากเพียงใด เซเลนสกีตอบกลับว่า เขาเห็นประชาชนมากมาย และขอขอบคุณชาวสหราชอาณาจักรสำหรับการสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ตั้งแต่แรกเริ่มของสงครามนี้
เขายังกล่าวว่ารู้สึกยินดีที่กำลังจะได้พบกับสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ในวันอาทิตย์นี้ และรู้สึกขอบคุณสำหรับการประชุมสุดยอดยุโรป
หลังเสร็จสิ้นการประชุมที่ดาวนิงสตรีท เซเลนสกีได้กล่าวชื่นชมการสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากสหราชอาณาจักร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินกู้มูลค่า 2.26 พันล้านปอนด์ที่ได้มาจากทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัดตั้งแต่เริ่มสงคราม ซึ่งเซเลนสกีระบุว่า เงินก้อนนี้จะถูกนำไปใช้ผลิตอาวุธในยูเครน ซึ่งนี่คือความยุติธรรมที่แท้จริง เพราะผู้ที่เริ่มสงครามจะต้องเป็นผู้จ่าย
การประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปที่กำลังจะมีขึ้นกำลังถูกบดบังด้วยสถานการณ์ตึงเครียดในวอชิงตัน และความกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่อาจแข็งกร้าวขึ้นระหว่างสหราชอาณาจักรกับสหรัฐฯ
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีสตาร์เมอร์ พยายามวางบทบาทตัวเองเป็นสะพานเชื่อมระหว่างสหรัฐฯ และยุโรป หลังรัฐบาลทรัมป์ต้องการลดบทบาทในประเด็นการปกป้องยุโรป โดยเขาได้เดินทางไปเยือนสหรัฐฯ และพบปะหารือกับทรัมป์อย่างเป็นมิตรเพียง หนึ่งวันก่อนที่ทรัมป์จะประชุมกับเซเลนสกี
เซอร์ เคียร์ ยังพยายามทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้ยูเครนในการผลักดันให้สหรัฐฯ มอบหลักประกันด้านความมั่นคงในข้อตกลงสันติภาพ โดยเขาได้ติดต่อหาทั้งทรัมป์และเซเลนสกีทางโทรศัพท์เมื่อค่ำวันศุกร์ หลังจากเกิดข้อพิพาทระหว่างสองฝ่าย
หลังจากการเยือนทำเนียบขาวที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด ประธานาธิบดีเซเลนสกี พยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ โดยเขากล่าวถึง ทรัมป์ว่า แม้การเจรจาจะเป็นไปอย่างเข้มข้น เราก็ยังคงเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ต่อกัน แต่เราจำเป็นต้องพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้เข้าใจเป้าหมายร่วมกันอย่างแท้จริง
ผู้นำยูเครนยังโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียว่า การได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีทรัมป์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เขาต้องการยุติสงคราม แต่ไม่มีใครต้องการสันติภาพมากไปกว่าพวกเรา
ส่วนการประชุมสุดยอดยุโรปในวันอาทิตย์นี้ที่ลอนดอน ถือเป็นการหารือระดับสูงครั้งล่าสุดของบรรดาผู้นำยุโรป เพื่อตอบสนองต่อแนวทางใหม่ของวอชิงตันในการยุติสงครามยูเครน เพราะนับจนถึงขณะนี้ รัฐบาลทรัมป์ได้กันยุโรปออกจากการเจรจาเบื้องต้นกับรัสเซีย ขณะที่ทรัมป์เองถูกกล่าวหาว่าสนับสนุนรัสเซีย
วาระสำคัญของการประชุมในวันอาทิตย์นี้คือ การเพิ่มขีดความสามารถด้านกลาโหมของยุโรป เพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐฯ ที่กำลังถอนตัวออกจากบทบาทผู้นำ นอกจากนี้ยังจะมีการเจรจาเพื่อให้ทำเนียบขาว รับรองความมั่นคงให้แก่ยูเครนภายใต้ข้อตกลงสันติภาพที่อาจเกิดขึ้น
สตาร์เมอร์เคยเสนอให้ส่งทหารอังกฤษไปยังยูเครนในฐานะส่วนหนึ่งของกองกำลังรักษาสันติภาพยุโรป แต่เขาระบุว่าการดำเนินการดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการรับรองด้านความมั่นคงจากสหรัฐฯ แต่ทรัมป์ยังคงต่อต้านการให้การสนับสนุนทางทหารแก่ยูเครนโดยตรง แต่เสนอแนวทางกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ รวมถึงข้อตกลงด้านแร่ธาตุ ซึ่งเขากล่าวว่าสามารถใช้เป็นมาตรการยับยั้งสงครามได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากความขัดแย้งเมื่อวันศุกร์ สื่อสหรัฐฯ รายงานว่าทรัมป์กำลังพิจารณาตัดความช่วยเหลือแก่ยูเครนโดยสิ้นเชิง
ขณะเดียวกัน ผู้นำยุโรปเริ่มตระหนักถึงความจำเป็นในการเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า กองทัพสหราชอาณาจักรยังไม่พร้อมสำหรับบทบาทที่ขยายตัวมากขึ้นในด้านการป้องกันประเทศ