อินเดียมีจำนวนประชากรราว 1.4 พันล้านคน แต่ประชากรอย่างน้อย 1 พันล้านคนกลับขาดแคลนเงินที่จะใช้จ่ายเพื่อสินค้าและบริการฟุ่มเฟือย โดย Blume Ventures บริษัทระดมเงินทุน รายงานผลการสำรวจผู้บริโภคชิ้นใหม่ ระบุว่า ผู้บริโภคที่มีศักยภาพใช้จ่ายสูงในอินเดียมีเพียง 130-140 ล้านคนเท่านั้น ส่วนอีก 300 ล้านคนเป็นผู้บริโภคหน้าใหม่ แต่พวกเขายังลังเลที่จะจับจ่ายใช้สอยเพราะเพิ่งจะเริ่มใช้เงินผ่านระบบชำระเงินดิจิทัล
ยิ่งไปกว่านั้น รายงานระดับโลกยังระบุว่า อินเดียเป็นตลาดผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของเอเชียก็จริง แต่ผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อไม่ได้ขยายจำนวนเพิ่มมากขึ้นเลย นั่นหมายความว่าคนรวยคือคนกลุ่มเดิมแต่ยิ่งรวยขึ้นกว่าเดิม ส่วนคนจนก็เพิ่มจำนวนมากขึ้น
ผลการสำรวจดังกล่าวสอดคล้องกับการคาดการณ์หลังสถานการญ์โควิดยุตการระบาด ซึ่งมีแนวคิดว่าคนรวยจะยิ่งรวยขึ้น และคนจนจะสูญเสียอำนาจการซื้อ อันที่จริงแล้ว นี่เป็นแนวโน้มโครงสร้างระยะยาวที่เริ่มขึ้นก่อนการระบาดของโรคด้วยซ้ำ อินเดียมีความไม่เท่าเทียมมากขึ้นเรื่อยๆ ชาวอินเดียที่มีรายได้สูงสุดระดับท็อป 10% ของประเทศ จะสร้างรายได้ประชาชาติ หรือ National Income ของอินเดียมากถึง 55.7% เพิ่มจากช่วงปี 1990 ที่มหาเศรษฐีแนวหน้าของประเทศ สร้างรายได้ประชาชาติอินเดียอยู่ที่ 34% ในขณะที่กลุ่มคนจนอินเดียที่หาเงินได้น้อยที่สุด สร้างรายได้ประชาชาติต่ำลงจาก 22% เหลือ 15%
ภาวะการบริโภคในอินเดียที่ตกต่ำครั้งล่าสุดนี้รุนแรงขึ้น เนื่องมาจากกำลังซื้อที่ถูกพังทลายด้วยภาวะเศรษฐกิจที่หยุดชะงักจากโรคระบาด ส่งผลประชาชนออมเงินได้ลดลงอย่างรวดเร็ว และหนี้สินที่พุ่งสูงขึ้นอีกด้วย ถึงขั้นที่ว่าธนาคารกลางอินเดียต้องออกมาราบปรามการกู้ยืมเงินที่ให้ง่ายเกินไป ให้กู้ทั้งที่ไม่มีหลักประกันที่เหมาะสม การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคของชาวอินเดียกลุ่มกำลังพัฒนาส่วนใหญ่เกิดจากการกู้ยืมดังกล่าว และถ้าสถาบันการเงินต่าง ๆ ยุติการให้กู้ยืม ก็จะส่งผลเสียต่อการบริโภคของคนกลุ่มนี้
Marcellus Investment Managers เปิดเผยว่า “ประชากรอินเดียชนชั้นกลางผู้เสียภาษีอย่างน้อย 50% มีรายได้ค่อนข้างคงที่ แต่หากเปรียบเทียบตัวเลขจริงในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา นั่นหมายความว่ารายได้ของพวกเขาลดลงครึ่งหนึ่งเมื่อปรับตามอัตราเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ธนาคารกลางอินเดียได้ออกมาเตือนถึงภาวะการออมเงินในอินเดีย กำลังเข้าใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี ข้อมูลนี้จึงบ่งชี้ว่าผลิตภัณฑ์และบริการที่ขายให้คนชนชั้นกลางจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในเวลาอันใกล้นี้
BBC รายงานว่าบริษัทต่าง ๆ ที่ปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ จะประสบความสำเร็จมากกว่าบริษัทที่ยังมุ่งเน้นตลาดแมส บริษัทที่มุ่งเน้นเฉพาะกลุ่มลูกค้าทั่วไปมากเกินไปหรือมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายแต่ไม่ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียม จะสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดไป
ผลการสำรวจได้เปลี่ยนแปลงวิถีการตลาดของแดนภารตะ โดยแบรนด์ต่าง ๆ ในอินเดียหันมาสร้างสินค้าและบริการแบบพรีเมียมมากขึ้น เพื่อจับกลุ่มคนรวยที่รวยขึ้นเหล่านี้ ให้หันมาเป็นลูกค้าหลักของแบรนด์ แทนที่จะมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์สำหรับตลาดมวลชน ซึ่งอาจสร้างกำไรได้ยากกว่า
เห็นได้ชัดจากยอดขายบ้านหรูระดับอัลตร้าลักชัวรีที่พุ่งสูงขึ้น ไปจนถึงแบรนด์สมาร์ทโฟน ที่รุ่นท็อปสุดมักจะฟันกำไรได้ดี มากกว่ารุ่นเริ่มต้นของแต่ละแบรนด์ที่ทำยอดขายไม่ค่อยได้ และในปัจจุบัน บ้านราคาประหยัดครองส่วนแบ่งตลาดในอินเดียเพียง 18% ลดลงจาก 5 ปีก่อนที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 40% -ขณะที่สินค้าแบรนด์เนมยังครองส่วนแบ่งตลาดได้มากขึ้น และ ธุรกิจที่สร้างประสบการณ์กำลังเฟื่องฟู โดยล่าสุด บัตรคอนเสิร์ตราคาแพงของศิลปินระดับนานาชาติ เช่น Coldplay และ Ed Sheeran ขายได้ดีเป็นเทน้ำเทท่า