ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ระบุว่า รัสเซียและยูเครนได้ลงนามในข้อตกลงหยุดยิงในทะเลดำและยกเว้นการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้เข้าหารือกับคณะผู้แทนจากรัสเซียและยูเครนที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา โดยสหรัฐฯ อาจพิจารณายกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางการค้ากับรัสเซีย และให้ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันเพื่อสันติภาพที่ยั่งยืน
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครน แถลงว่า ข้อตกลงในการยุติการโจมตีในทะเลดำถือเป็นความก้าวหน้าที่ถูกต้อง แม้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่ามันจะได้ผล แต่นี่เป็นการประชุมที่ถูกต้อง การตัดสินใจที่ถูกต้อง และขั้นตอนที่ถูกต้อง และหลังจากนี้จะไม่มีใครสามารถกล่าวหาว่ายูเครนได้ว่า ไม่พยายามก้าวไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เคยกล่าวหาเขาว่าขัดขวางข้อตกลงสันติภาพ
แต่ไม่นานหลังจากที่รัฐบาลวอชิงตันประกาศความคืบหน้า รัฐบาลเครมลินกล่าวว่าการหยุดยิงทะเลดำจะไม่มีผลบังคับใช้จนกว่าจะมีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรจากธนาคาร ผู้ผลิต และผู้ส่งออกของรัสเซีย ทั้งนี้ มาตรการที่รัสเซียเรียกร้อง ได้แก่ การเชื่อมต่อธนาคารที่เกี่ยวข้องเข้ากับระบบการชำระเงิน SwiftPay อีกครั้ง การยกเลิกข้อจำกัดในการให้บริการเรือของรัสเซียที่ใช้ในการส่งสินค้าทางอาหารและปุ๋ยระหว่างประเทศ การจัดหาเครื่องจักรกลการเกษตรและสินค้าอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับการผลิตอาหาร
ก่อนหน้านี้ในปี 2022 เรือพาณิชย์ของรัสเซียและยูเครนได้รับอนุญาตให้สามารถเดินเรือผ่านทะเลดำได้อย่างปลอดภัย ซึ่งเป็นข้อตกลงที่เกิดขึ้นหลังจากกองทัพรัสเซียบุกโจมตียูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ปีเดียวกันนั้น ทั้งยูเครนและรัสเซียเป็นผู้ส่งออกธัญพืชรายใหญ่ และราคาพุ่งสูงขึ้นหลังจากสงครามเริ่มต้น ดังนั้น “ข้อตกลงธัญพืชทะเลดำ” ถูกนำมาใช้เพื่อให้เรือบรรทุกสินค้าที่เดินทางไปและกลับจากยูเครนสามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ถูกโจมตีจากรัสเซีย
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ตอนนี้สหรัฐฯ กำลังจะช่วยฟื้นฟูการเข้าถึงตลาดโลก สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรและปุ๋ยของรัสเซีย แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อใด ส่วนยูเครนเมื่อทราบข่าวถึงคำขู่ของรัสเซียก็กลับออกมาตอบโต้รุนแรง โดยเซเลนสกีกล่าวว่า การหยุดยิงในทะเลดำที่ขึ้นอยู่กับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียนั้นเป็นคำโกหกทั้งเพ ยูเครนจะผลักดันให้มีการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมและให้การสนับสนุนทางทหารจากสหรัฐฯ มากขึ้น หากรัสเซียผิดสัญญา
รัฐมนตรีกลาโหมยูเครน รุสเตม อูเมรอฟ กล่าวว่า สหรัฐฯ สามารถเข้ามากำกับดูแลบางส่วนของข้อตกลงนี้ได้ และหากกองทัพรัสเซียเคลื่อนเรือรบเข้ามาเกินขอบเขตในพื้นที่ทางตะวันออกของทะเลดำ จะถือเป็นการละเมิดข้อตกลงและเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติยูเครน ในกรณีนี้ ยูเครนจะมีสิทธิเต็มที่ในการใช้สิทธิในการป้องกันตนเอง
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัสเซียและยูเครนตกลงที่ยุติการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในดินแดนของกันและกันเป็นการชั่วคราว แต่ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากมีการประกาศเรื่องนี้ ทั้งรัฐบาลมอสโกและรัฐบาลเคียฟต่างกล่าวหาอีกฝ่ายว่า ละเมิดคำสั่งห้าม โดยกระทรวงกลาโหมรัสเซียอ้างว่ายูเครนยังคงโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสำหรับพลเรือนของรัสเซีย
ขณะเดียวกันยูเครนกล่าวว่า รัสเซียยิงโดรนประมาณ 139 ลูก และขีปนาวุธพิสัยไกล 1 ลูก เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นยูเครน การโจมตีโต้ตอบไปมาส่งผลให้ทหารรัสเซียมากถึง 30 นายเสียชีวิตในภูมิภาคเคิร์สค์ และชาวยูเครนได้รับบาดเจ็บมากกว่า 100 คนในเมืองซูมี จึงเป็นการพิสูจน์แล้วว่า แม้ทั้งสองฝ่ายจะแสดงท่าทีไปในทางสันติภาพเมื่ออยู่บนเวทีทางการทูต และในสนามรบแล้ว ความสงบสุขยังไม่เกิดขึ้นจริงแม้เพียงชั่วคราว