จับตาประชุม BIMSTEC กับดราม่าต้าน ‘มิน อ่อง หล่าย’ ไม่ให้เข้าประชุม
การประชุมผู้นำ BIMSTEC ครั้งที่ 6 กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 3-4 เมษายนนี้ โดยในปีนี้ มีประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ ณ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้นำและผู้แทนจาก 7 ประเทศสมาชิก ได้แก่ เนปาล บังกลาเทศ เมียนมา ภูฏาน ศรีลังกา และอินเดีย รวมถึงไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ในวันนี้ (2 มี.ค. 68) จัดการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสบิมสเทค ครั้งที่ 25 ที่กรุงเทพฯ โดยมีนางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุม และนางสาวรุจิกร แสงจันทร์ อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เข้าร่วมเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายไทย ภายหลังการประชุม นางเอกสิริแถลงว่า ที่ประชุมจะมีการรับรองเอกสารผลลัพธ์สำคัญหลายฉบับ อาทิ ปฏิญญาการประชุมผู้นำบิมสเทค ครั้งที่ 6 และวิสัยทัศน์กรุงเทพฯ 2030 ที่มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างการบริหารจัดการและการประสานงานระหว่างประเทศสมาชิกให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
พร้อมแบ่งงานให้แต่ละประเทศเป็นผู้นำดูแลการพัฒนาร่วมกันทั้งหมด 7 สาขาความร่วมมือของ BIMSTEC ได้แก่ 1. การค้า การลงทุน และการพัฒนา 2. สิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ 3. ความมั่นคงทางการเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร 4. การติดต่อระหว่างประชาชน 5. ด้านวิทยาศาสตร์ 6. ด้านเทคโนโลยี และ นวัตกรรม 7. ความเชื่อมโยง สำหรับประเทศไทยรับหน้าที่เป็นผู้นำด้านความเชื่อมโยง หรือ Connectivity โดยเริ่มต้นเดินหน้าเจรจาความเชื่อมโยงระหว่าง BIMSTEC และกลุ่มภูมิภาคอื่น ๆ
ในการประชุมครั้งนี้ ประเทศไทยใช้แนวคิด PRO-BIMSTEC หรือ Prosperous – Resilient – Open มั่งคั่ง ยั่งยืน ฟื้นคืน และเปิดกว้างสู่โอกาส โดย PRO BIMSTEC มี 3 เป้าหมายหลัก ได้แก่
- Prosperous (มั่งคั่ง) – ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ผ่านการยกระดับความเชื่อมโยงรอบด้าน ลดความยากจนผ่านการส่งเสริมการค้า การลงทุน และการรักษาสิ่งแวดล้อม
- Resilient (ยั่งยืน ฟื้นคืน) – สร้างความมั่นคงในภูมิภาค โดยเฉพาะความมั่นคงด้านอาหารและสาธารณสุข พร้อมขยายความร่วมมือทางทะเล
- Open (เปิดกว้าง) – กระตุ้นการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ผ่านการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน และสร้างเครือข่ายระหว่างประชาชน
มิน อ่อง หล่าย เตรียมร่วมประชุม ฝืนเสียงค้าน
การประชุม BIMSTEC เดินหน้าตามกำหนด ท่ามกลางเสียงคัดค้านของภาคประชาสังคมของไทยและเมียนมา ที่ต่างออกมาต่อต้านการเชิญ พล. อ. อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำกองทัพทหารเมียนมา และตัวแทนจากรัฐบาลเมียนมาให้เข้าร่วมประชุมในฐานะสมาชิก โดยกระทรวงต่างประเทศเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ผู้นำรัฐบาลเมียนมายืนยันจะเดินทางมาเข้าร่วมการประชุม BIMSTEC ในวันศุกร์ที่ 4 เมษายนนี้ แต่ยังไม่ทราบว่าจะเดินทางถึงกรุงเทพมหานครในวันเวลาใด
อย่างไรก็ตาม เพียง 1 วันก่อนที่จะเริ่มการประชุม นายวิชัย จันวาโร ผู้ประสานงานมูลนิธิเสมสิกขาลัย (SEM) ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกที่องค์กรภาคประชาสังคม 319 แห่งร่วมลงชื่อ ถึงรัฐบาลไทยและประเทศสมาชิก BIMSTEC เพื่อร้องเรียนให้ยกเลิกการเชิญผู้นำเมียนมา
นายวิชัยกล่าวว่า การเชิญตัวแทนจากเมียนมาเข้าร่วมประชุม BIMSTEC นอกจากจะเป็นการเพิ่มความชอบธรรมให้กับผู้นำเผด็จการทหารแล้ว ยังทำให้กองทัพเมียนมาเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมได้อีก เพราะเนื้อหาการประชุมเกี่ยวข้องกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เกรงว่าจะยิ่งเป็นการขยายอำนาจและทรัพยากรให้กองทัพนำมาประหัตประหารประชาชนชาวพม่าอีก
นอกจากนี้ ยังเปิดเผยว่ากองทัพเมียนมายังคงโจมตีทางอากาศต่อประชาชน แม้ผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงระดับประวัติศาสตร์ ได้สร้างความบอบช้ำให้กับประเทศอยู่แล้ว พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลไทยยุติการสนับสนุนทางเศรษฐกิจกองทัพพม่าในทุกกรณี
กองทัพเมียนมายังดื้อ ไม่ลงนามตกลงหยุดยิง
คณะทหารของเมียนมาออกมาปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิงจากกลุ่มกบฏ เพื่อเปิดทางให้กับปฏิบัติการกู้ภัยหลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.7 ริกเตอร์ในประเทศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้นำรัฐบาลทหารประกาศเดินหน้าโจมตีกลุ่มกบฏต่อไป ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวกำลังจะทะลุ 3,000 ราย ในไม่ช้า นอกจากนี้ ยังมีผู้บาดเจ็บกว่า 4,500 ราย และสูญหายอีก 441 คน โดยในจำนวนผู้สูญหาย ส่วนใหญ่เชื่อว่าเสียชีวิตแล้ว และโอกาสรอดชีวิตมีน้อยมาก
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) ซึ่งเป็นรัฐบาลเงาที่ต่อต้านอำนาจรัฐบาลทหารเมียนมา ได้ประกาศหยุดยิงสองสัปดาห์ภายหลังเหตุแผ่นดินไหว รวมถึงกองทัพอาระกัน กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา และกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง ได้ประกาศหยุดยิงชั่วคราวเช่นกัน แต่รัฐบาลเมียนมากล่าวหาว่ากลุ่มกบฏใช้ประโยชน์จากช่วงที่หยุดโจมตีเพื่อรวมกลุ่มกันใหม่และฝึกทหาร
มิน อ่อง หล่าย กล่าวในระหว่างร่วมงานระดมทุนที่กรุงเนปิดอว์เมื่อวานนี้ ระบุว่า กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์บางกลุ่มแม้ไม่ได้ทำการสู้รบในขณะนี้ แต่ยังคงจัดระเบียบและฝึกซ้อมเพื่อโจมตีในอนาคต กองทัพจึงต้องดำเนินมาตรการรักษาความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง
