รพ. แห่งสุดท้ายในกาซา ถูกอิสราเอลถล่มนองเลือด ตาย 37 ราย ข้ามคืน
Aljazeera รายงานว่า กองทัพอิสราเอลถล่มโรงพยาบาลอัลอาห์ลีในเมืองกาซา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลหลักแห่งสุดท้ายที่ให้บริการด้านการแพทย์ในพื้นที่สงคราม อิสราเอลอ้างว่าได้โจมตีด้วยขีปนาวุธ 2 ลูก เนื่องจากโรงพยาบาลดังกล่าวถูกใช้เป็นศูนย์ควบคุมและสั่งการของกลุ่มฮามาส โดยไม่ได้มีหลักฐานใด ๆ ประกอบ ขณะที่กลุ่มฮามาสได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
องค์การอนามัยโลกระบุว่า มีเด็กอย่างน้อย 1 รายเสียชีวิตเนื่องจากการหยุดชะงักในการรักษาพยาบาล ทั้งนี้ การโจมตีครั้งล่าสุด ส่งผลให้ผู้คนอย่างน้อย 37 รายเสียชีวิต คนป่วยและผู้บาดเจ็บหลายร้อยคนต้องอพยพออกจากพื้นที่ ในจำนวนผู้เสียชีวิตหลายสิบคน มีผู้ป่วยตั้งแต่อายุ 10 ปี รวมถึงอาสาสมัคร 6 รายที่เข้ามาส่งอาหารให้กับแพทย์และผู้ป่วยในโรงพยาบาล และทั้ง 6 คนนี้เป็นพี่น้องกันอีกด้วย ซากิ อาบู มาฮาดี พ่อของชายทั้ง 6 คน กล่าวว่า ลูก ๆ ของเขาช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับความเดือดร้อนตั้งแต่เริ่มต้นสงคราม และพวกเขาไม่ได้พกอาวุธ
การโจมตีดังกล่าว ส่งผลให้เกิดเสียงประณามจากปาเลสไตน์และทั่วโลก กาตาร์กล่าวว่าการโจมตีโรงพยาบาลแห่งสุดท้ายที่ยังเปิดดำเนินการอยู่ในภาคเหนือของฉนวนกาซาเป็น "การสังหารหมู่อันน่าสยดสยองและอาชญากรรมร้ายแรงต่อพลเรือน" ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ด้านเดวิด แลมมี รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ กล่าวว่า การที่อิสราเอลโจมตีสถานพยาบาลทำให้การเข้าถึงบริการด้านการแพทย์ในพื้นที่ถูกระงับอย่างสิ้นเชิง
อิสราเอลเมินเสียงประณาม ลุยโจมตีต่อ
การประณามของทั่วโลก ไม่ได้ทำให้อิสราเอลมีท่าทีที่อ่อนลง ล่าสุด รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอลอิสราเอล แคทซ์ ประกาศกร้าวว่า กองทัพจะขยายปฏิบัติการรุกอย่าง "เข้มข้น" ไปทั่วพื้นที่ส่วนใหญ่ของฉนวนกาซาในเร็ว ๆ นี้ พร้อมประกาศความสำเร็จที่กำลังป้องกันประเทศอิสราเอล (IDF) ได้ยึดครอง "เขตความปลอดภัย" ในพื้นที่ตอนใต้ของฉนวนกาซา ซึ่งแยกเมืองราฟาห์และข่านยูนิสออกจากกันเรียบร้อยแล้ว
กองทัพอิสราเอลยังได้ออกคำสั่งอพยพชาวปาเลสไตน์ไปยังเมืองข่านยูนิสและพื้นที่โดยรอบ พร้อมระบุว่ากองทัพกำลังเตรียมโจมตีตอบโต้การยิงขีปนาวุธจากกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา โดยอ้างว่าการโจมตีอย่างต่อเนื่องครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อกดดันให้ฮามาสปล่อยตัวตัวประกันที่เหลือ 59 คนที่ถูกคุมขังในฉนวนกาซา โดยเชื่อว่า 24 คนยังมีชีวิตอยู่ อิสราเอล แคทซ์กล่าวว่า นี่คือช่วงเวลาสุดท้ายที่จะขจัดกลุ่มฮามาสและปล่อยตัวตัวประกัน และยุติสงคราม
สำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเตือนว่าคำสั่งอพยพไม่เป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยกล่าวหาว่า อิสราเอลไม่ได้ดำเนินมาตรการใด ๆ ในการจัดหาที่พักให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบ หรือรับรองสภาพสุขอนามัย สุขภาพ ความปลอดภัย และโภชนาการที่เหมาะสม ด้านอิสราเอลโต้ว่า รัฐบาลอพยพพลเรือนออกไปเพื่อปกป้องพวกเขาจากอันตราย และไม่ให้ถูกกลุ่มฮามาสใช้เป็น "โล่มนุษย์" ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ กองกำลังติดอาวุธได้เข้ายึดครองพื้นที่ขนาดใหญ่ในฉนวนกาซา ส่งผลให้ชาวปาเลสไตน์หลายแสนคนต้องอพยพอีกครั้ง เนื่องจากกองทัพได้ยึดครองที่ดินที่ทอดยาวตามแนวชายแดนดินแดนปาเลสไตน์ทั้งหมด ซึ่งกองทัพกำหนดให้เป็นเขตกันชนเพื่อป้องกันการโจมตี
โจมตีครั้งใหม่ ดันยอดเสียชีวิตพุ่งแตะ 60,000 ราย
กระทรวงสาธารณสุขของกลุ่มฮามาสรายงานเมื่อเวลา 13.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของวันเสาร์ ระบุว่ามีผู้เสียชีวิต 21 รายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 64 ราย ซึ่งยังไม่นับรวมการโจมตีครั้งล่าสุดด้วยขีปนาวุธ ถล่มโรงพยาบาลหลักแห่งสุดท้ายในกาซา
ช่วงต้นปีที่ผ่านมา สงครามอิสราเอล-ฮามาสสงบลงชั่วคราวด้วยการแลกเปลี่ยนตัวประกันตามข้อตกลงหยุดยิงระยะแรก แต่อิสราเอลกลับมาเปิดการโจมตีกลุ่มฮามาสอีกครั้งเมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา หลังจากการเจรจาหยุดยิงในระยะที่สองล้มเหลวไม่เป็นท่า ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1,563 รายตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม
จุดเริ่มต้นของสงครามฉนวนกาซา เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ปี 2023 กองทัพอิสราเอลเปิดฉากโจมตีฮามาส เพื่อเป็นการตอบโต้ที่กลุ่มกบฏลอบถล่มอิสราเอล ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 1,200 ราย และอีก 251 รายถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกัน กระทรวงสาธารณสุขของกลุ่มฮามาส รายงานว่า นับตั้งแต่นั้นมา มีผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาแล้วมากกว่า 50,933 ราย
