ฟันไม่เลี้ยง บิ๊กเต่า ยันไม่นิ่งนอนใจ ตามหาเรือน้ำมันเถื่อน

14 มิ.ย. 67

ฟันไม่เลี้ยง บิ๊กเต่า ยันไม่นิ่งนอนใจ ตามหาเรือน้ำมันเถื่อน 3 ลำ คาดเข้ากัมพูชาแล้ว ประสานทางเพื่อนบ้านช่วย มั่นใจสัปดาห์หน้าชัดโยงเสี่ยโจ้มั้ย

ความคืบหน้ากรณีที่ กองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) รายงานว่า เรือบรรทุกน้ำมันของกลางขนาดใหญ่จำนวน 3 ลำ ซึ่งบรรจุน้ำมันรวมกว่า 3.3 แสนลิตร หายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี 

จนมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.รน. จำนวน 4 นาย ย้ายมาช่วยราชการ ปฏิบัติหน้าที่ประจำศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยให้ขาดจากต้นสังกัด มีผลนับตั้งแต่วัน 13 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ 

ต่อมาวันที่ 14 มิ.ย. 67 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ มีหลายหน่วยเข้าร่วมการประชุม  และไปตรวจความคืบหน้า ในการมอบหมายงานติดตามเรือที่หายไป ให้ผู้บังคับการตำรวจน้ำตั้งกองอำนวยการร่วมกับทุกหน่วย เพื่อตามหาเรือ 

ส่วนเรื่องการสอบสวนเจ้าหน้าที่ที่บกพร่องทำให้ราชการเสียหาย ซึ่งต้องดำเนินคดีในความผิดมาตรา 157 ตอนนี้ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบ (ปปป.) ตั้งคณะกรรมการสืบสวน คู่ขนานกับตำรวจน้ำ เพื่อดำเนินการให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด ส่วนกองบังคับการปราบปรามที่เข้าไปดำเนินการกับลูกเรือ 3 ลำที่หลบหนีไป ตอนนี้ยืนยันมีคนลงเรือ 16 คน ได้ชื่อมาแล้ว 14 คน อีก 2 คน ได้ชื่อแล้วแต่ยังไม่ได้รูปหน้า ตอนนี้ชุดกองปราบกำลังไปลงพื้นที่ 

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า เรือทั้ง 5 ลำ มีลูกเรือทั้งหมด 28 คน เรือ 3 ลำที่หายไปมีลูกเรือยืนยัน 17 คน มีรายงานว่าลงเรือไปเพียง 16 คน อีก 1 คน ไม่ได้ไปด้วย จากรายงานคนที่ไม่ได้ไปด้วยคือคนไทย แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ข้อมูลที่ให้ไว้กับตำรวจ ส่วนที่เหลืออยู่ในเรืออีก 2 ลำที่จอดเทียบท่าอยู่ ซึ่งเป็นเรือที่ไม่มีน้ำมัน โดยวันที่ 17 มิ.ย. 67 ปอศ.จะเรียกลูกเรือทั้งหมดที่ไม่ได้หลบหนีมาสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ. คาดว่า จะขอศาลอนุมัติออกหมายจับลูกเรือที่หลบหนี 16 คน ได้ภายในวันที่ 18 มิ.ย. 67 

ส่วนกรณีที่เมื่อช่วงเช้า นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธาน กมธ.ตำรวจฯ สภาผู้แทนราษฎร ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้พบว่าเรือที่หายไปอยู่ที่เกาะกูด จ.ตราด แล้วข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่จากข้อมูลที่ได้คุยกับตำรวจน้ำชุดทำงานเมื่อวานนี้ มีการยืนยันว่าเรือน่าจะเข้าไปประเทศกัมพูชาแล้ว แต่อยู่จุดไหนเป็นเรื่องที่ตำรวจต้องติดตามต่อ ขณะนี้ได้ประสานทางกัมพูชาให้ช่วยติดตามเรือทั้ง 3 ลำแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ และพยายามติดตามเรือของกลางกลับมาให้ได้ แม้ตอนนี้จะไปประเทศเพื่อนบ้านแล้ว 

ส่วนเรื่องเส้นทางก่อนที่เรือทั้ง 3 ลำจะขับหลบหนีไปสู่ประเทศกัมพูชา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เส้นทางที่ใกล้ที่สุดหลังจากที่เรือออกจากท่าเรือสัตหีบ จะต้องมุ่งหน้าไปที่เกาะช้าง เกาะกูด ออกประเทศเพื่อนบ้าน รวมระยะทาง 240 กิโลเมตร  ซึ่งอาจจะใช้เวลาอย่างเร็ว 12 ถึง 13 ชั่วโมง  โดยขณะนี้ในการติดตามค้นหารือได้มีการประสานใช้ดาวเทียมมาช่วย รวมทั้งใช้เครื่องบินในการลาดตระเวนค้นหา 

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าหากยังไม่สามารถค้นหาเรือ 3 ลำเจอ จะมีโอกาสหลบหนีไปยังประเทศที่สามหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ในทางเทคนิคยังเห็นสัญญาณบางอย่างที่ยังอยู่ในประเทศไทย และมีการเอกซเรย์พื้นที่ 

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ส่วนเรื่องนี้จะเชื่อมโยงถึงเสี่ยโจ้หรือไม่นั้น ขอเวลาประมาณสัปดาห์หน้าจะมีความคืบหน้ากรณีที่ลูกเรือนำเรือออกไป และความคืบหน้าการจับกุมน้ำมันเถื่อน ส่วนเรื่องที่มีกระแสเสี่ยว่าเสี่ยโจ้หลบหนีออกไปนอกประเทศแล้ว บิ๊พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า จากข้อมูลทางการสืบสวน พบว่าตอนนี้เสี่ยโจ้พำนักอยู่ที่ประเทศกัมพูชา ส่วนการที่เรือหายจะเกี่ยวข้องกับเสี่ยโจ้หรือไม่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า “ใครเป็นเจ้าของหรือทำธุรกิจตรงนี้ ก็ไม่มีคนอื่นที่จะดำเนินการ” 

ส่วนการสอบปากคำคนในครอบครัวเสี่ยโจ้ ตอนนี้เจ้าหน้าที่สืบสวนได้มีการทำงานคืบหน้าไปเยอะ สัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนมากขึ้นอีกหลายเรื่อง ส่วนก่อนหน้านี้ที่ผู้ต้องหาถูกประกันตัวแล้วทำไมถึงสามารถกลับไปอยู่บนเรือของกลางได้อีก พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เพราะบ้านของพวกเขาคือเรือ พอประกันตัวเสร็จก็กลับไปอยู่กินบนเรือ ซึ่งยอมรับผิดว่าเจ้าหน้าที่บกพร่องในการดูแลของกลางให้ครบถ้วน ไม่ใช่แค่ไปแล้วเอากล้องติดดูบ้างไม่ดูบ้าง จึงถือว่าเป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ซึ่ง พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติและ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้มอบหมายให้ตนลงพื้นที่ไปดูแลคดีนี้ สั่งฟันไม่เลี้ยง เพราะเรื่องนี้ไม่น่าเกิดขึ้นในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยหลังจากนี้จะต้องตรวจสอบว่า เป็นการประมาทเลินเล่อ หรือเอื้อประโยชน์กับใครหรือไม่ ซึ่งตนเองก็อยากรู้ ถ้ากล้าทำแล้วตรวจสอบเจอ ซึ่งบอกไปแล้วว่า ผบช.ก. ส่งตนลงไปดูคดีนี้แล้วฟันไม่เลี้ยง 

ส่วนกรณีที่มีภาพวงจรปิดรถกระบะคันหนึ่ง ขับเข้าไปในพื้นที่บริเวณสะพานถ้าเทียบเรือ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย เวลา 17.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ชี้แจงว่า ภาพที่ปรากฏผ่านสื่อมวลชนนั้น จากการตรวจสอบพบว่า รถกระบะคันดังกล่าวเป็นรถที่ใช้ในการขนน้ำ สำหรับภารกิจการฝึกทบทวนหมวดเรือ ศรชล. ภาค 1 โดยมีการฝึกระหว่างวันที่ 10 -13 มิ.ย. ซึ่งไม่ได้มีการเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เรือของกลางหายออกไปจากท่าเทียบเรือ

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส