บุกชาร์จ "ไอ้อาร์ม" คลั่งไล่ทำร้ายชาวบ้าน ก่อนขังตัวเองนานกว่า 4 ชม.

5 ก.ค. 67

 

ตำรวจกว่า 30 นาย ปิดล้อมบุกชาร์จ "ไอ้อาร์ม" คลั่งไล่ฟันชาวบ้าน ก่อนขังตัวเองนานกว่า 4 ชั่วโมง จนตำรวจเกลี้ยกล่อมสำเร็จ 

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 4 ก.ค. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลาดกระบัง รับแจ้งเหตุ มีชายคลุ้มคลั่งไล่ทำร้ายร่างกายชาวบ้านด้วยอาวุธมีด มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน เหตุเกิดภายในหมู่บ้านเคหะนคร 2 ซอยลาดกระบัง 36 แยก 18 แขวง และเขตลาดกระบังกรุงเทพฯ หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและปราบปราม สน.ลาดกระบังฝ่ายสืบสวน พร้อมอาสามูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางเข้าที่เกิดเหตุ 

พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ทราบชื่อคือ นายนันทพงษ์ อายุ 26 ปี มีบาดแผลถูกฟันที่ศีรษะ และที่แผ่นหลัง ส่วนรายที่ 2 คือ นายจักรพงษ์ อายุ 33 ปี มีบาดแผลที่ถูกฟันที่ข้อมือซ้าย ในที่เกิดเหตุพบอาวุธมีดปลายแหลม ยาวประมาณ 7 นิ้ว ตกอยู่ 1 เล่ม เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนให้กู้ภัยนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 รายส่งโรงพยาบาลสิรินธร 

บุกชาร์จ "ไอ้อาร์ม" คลั่งไล่ทำร้ายชาวบ้าน ก่อนขังตัวเองนานกว่า 4 ชม.

ต่อมากำลังตำรวจฝ่ายป้องกันและปราบปราม สน.ลาดกระบัง เข้าระงับเหตุ โดยใช้ไม้ง่าม และปืนช็อตไฟฟ้าเข้าสยบคลั่ง แต่คนร้ายที่ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง ฮึดสู้ชุลมุนใช้มีดเป็นอาวุธไล่ฟันตำรวจ จนต้องพากันวิ่งหนีออกมาออกมาตั้งหลัก และร้องขอกำลังสนับสนุนกำลังจาก สน.พื้นที่ข้างเคียงเข้าร่วมระงับเหตุ 

ซึ่งตำรวจได้ตรึงกำลังบริเวณหน้าบ้าน เพื่อเตรียมพร้อมควบคุมตัว จนกระทั่งเมื่อเวลา22.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้โล่บังกาย ปืนช๊อตไฟฟ้า ปืนลูกซองกระสุนยาง และไม้ง่ามบุกจู่โจมเข้าไปในตัวบ้าน พบนายอาร์มหลบอยู่ในห้องนอน เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ทางด้านนอก จึงพังหน้าต่าง และยิงปืนช็อตไฟฟ้า 2 นัด แต่นายอาร์มไม่สิ้นฤทธิ์พยายามต่อสู้ขัดขืนการจับกุม เจ้าหน้าที่หลายนายจึงกรูกันเข้าไปก่อนควบคุมตัวไว้ได้สำเร็จ และส่งมอบให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯนำส่งโรงพยาบาล เนื่องจากนายอาร์มมีแผลถูกยิงที่ท้อง

บุกชาร์จ "ไอ้อาร์ม" คลั่งไล่ทำร้ายชาวบ้าน ก่อนขังตัวเองนานกว่า 4 ชม.

สำหรับนายอาร์ม เคยเป็นช่างรับเหมาก่อสร้างเข้ามาปรับปรุงบ้านให้แก่นางฉันทนา เจ้าของบ้าน ซึ่งมีอายุรุ่นราวคราวแม่ จนกระทั่งเกิดรักใคร่คบหากันมานานนับ 10 ปี แต่ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันนายอาร์มมักพาเพื่อนมากินดื่มที่บ้าน และมีเรื่องกับเพื่อนบ้านที่เป็นกลุ่มวัยรุ่นหลายครั้ง จนครั้งนี้ถึงขั้นเลือดตกยางออก 

นายสุรศักดิ์ อายุ 40 ปี พี่ชายหนึ่งในผู้บาดเจ็บ บอกว่า เมื่อเช้าที่ผ่านมาพี่ชายตนขับรถไปส่งหลานกลับมาเจอกับผู้ก่อเหตุ เขาก็มีอาการคล้ายคนหลอนยา ด่าพี่ชายตนมาหลายวัน พี่ชายตนก็เกิดโมโหจึงเดินไปถามนายอาร์มว่าด่าทำไม จากนั้นนายอาร์มจึงถือจอบไล่ฟันพี่ชายตนถึงในบ้าน จนได้รับบาดเจ็บเย็บไป 3 เข็ม หลังจากนั้นพี่ชายตนจึงเดินทางไปแจ้งความ 

บุกชาร์จ "ไอ้อาร์ม" คลั่งไล่ทำร้ายชาวบ้าน ก่อนขังตัวเองนานกว่า 4 ชม.

นายสุรชัย อายุ 44 ปี ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ช่วงเช้าวันนี้ตนขับรถไปส่งลูกที่โรงเรียนกลับมาถึงก็เห็นเขาออกกำลังกายดักรอตนอยู่แล้ว โดยถือดาบมารอตนด้วย ซึ่งนายอาร์มมีอาการคลุ้มคลั่งบ่อยครั้ง ที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยไปยุ่ง และไม่เคยมีปัญหากลับนายอาร์มมาก่อน จนกระทั่งเมื่อเช้านายอาร์มถือจอบมาหาตน และด่าโวยวายหาเรื่องก่อนที่จะมีปากเสียกัน และนายอาร์มได้ใช้จอบที่ถือมาฟาดไส่ตนได้รับบาดเจ็บ จนตนต้องวิ่งหนีเข้าบ้าน และแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ 

ส่วนผู้บาดเจ็บอีก2คนเป็นน้องที่รู้จักกันที่มาหาตน เพราะทราบข่าวว่าตนโดนทำร้ายพอมาถึงก็พบกับนายอาร์ม และเกิดไล่ทำร้ายกันจนได้รับบาดเจ็บ แต่ขณะเกิดเหตุตนก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จึงไม่ทราบว่าใครเริ่มก่อน 

บุกชาร์จ "ไอ้อาร์ม" คลั่งไล่ทำร้ายชาวบ้าน ก่อนขังตัวเองนานกว่า 4 ชม.

ด้านชาวบ้าน บอกว่า นายอาร์มมีอาการคลุ้มคลั่งบ่อยครั้ง และเคยเข้าบำบัดยาเสพติด ไม่นานก็กลับมาอีก วันนี้ช่วงเช้าที่เกิดเรื่องทราบว่านายสุรชัยมีปัญกับนายอาร์มและใช้จอบฟาดจนบาดเจ็บจนมาช่วงเย็นนายอาร์มใช้อาวุธมีดไล่ทำร้ายเพื่อนรุ่นน้องของนายสุรชัยได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย และทราบว่านายอาร์มถูกยิงสวนเข้าที่ท้องได้รับบาดเจ็บเช่นกัน 

พ.ต.อ.สุทธิศักดิ์ วันที รองผบก.น.3 กล่าวว่า เมื่อช่วงเย็นได้รับรายงานจาก สน.ลาดกระบัง ผู้ก่อเหตุคือนายอาร์มมีปัญหากับเพื่อนบ้านมีการใช้อาวุธมีด และปืนทำร้ายกันจนได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 ฝ่ายก่อนที่นายอาร์มจะเข้าไปหลบอยู่ในบ้าน และมีอาการคลุ้มคลั่งเสียงดังทำลายทรัพย์สิน จึงสั่งการบูรณาการกำลังตำรวจบก.น.3 เข้าระงับเหตุ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าไปในบ้านหลายครั้งก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะนายอาร์มยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งใช้มีดต่อสู้กับเจ้าหน้าที่จากข้อมูลทราบว่านายอาร์มเคยเข้ารับการบำบัดรักษาเกี่ยวกับยาเสพติดมาแล้ว1ครั้ง แต่ไม่พบประวัติการต้องโทษ ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะมีมาตรการควบคุมอย่างเด็ดขาด และจะเฝ้าระวังติดตามพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุต่อไป

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส