จตุพร กังขานักโทษตั้งรัฐบาล ดัน ชัยเกษม นิติสิริ นั่งนายกฯ ถามบ้านเมืองจะเอาอย่างนี้หรือ

15 ส.ค. 67

 

จตุพร กังขานักโทษเรียกแกนนำพรรคร่วมหารือ คุมตั้ง ชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกฯคนที่31 ถามบ้านเมืองจะเอาอย่างนี้หรือ เชื่อ เศรษฐา รับชะตากรรมการเมืองจากคนกันเอง 

วันที่ 15 ส.ค. 67 นาย จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวไลฟ์สดผ่าน เฟซบุ๊กเพจ “Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์” โดยกังขาว่า แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ถูกเรียกไปบ้านจันทร์ส่องหล้าของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อประชุมการตั้งรัฐบาลให้นาย ชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกฯ เป็นความเหมาะสม และทำให้บ้านเมืองสง่างามหรือไม่ 

วันนี้ (เจ้าของบ้านจันทร์ส่องหล้า) ออกฤทธิ์ออกเดชมากที่สุดในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นคนที่ทำหน้าที่ดีล (ให้กลับประเทศไทย) ต้องทบทวนตัวเองเช่นกันว่า จะปล่อยบ้านเมืองกันในสภาพแบบนี้เหรอ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่า ความเสียหายรออยู่ข้างหน้า 

อีกทั้งกล่าวถึงผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญว่า ยิ่งใกล้วันศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีถอดถอนนาย เศรษฐา ทวีสิน พ้นนายกฯ หรือไม่ นักการเมือง นักวิเคราะห์มีความเชื่ออธิบายผ่านความรู้สึก โดยมั่นใจนายเศรษฐาจะรอด เพราะส่วนสำคัญไม่ต้องการให้ใช้อำนาจยุบสภา กระทั่งศาลมีมติ 5 ต่อ 4 เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ถอดถอนพ้นนายกฯ จึงเกิดปรากฎการณ์นักโทษเรียกแกนนำพรรคร่วมไปประชุมตั้งรัฐบาลใหม่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าตามมาทันที 

นายจตุพร ย้ำและไม่เชื่อเด็ดขาดว่า ที่ผ่านมานายเศรษฐา เป็นนายกฯ ที่มีอำนาจแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีโควตาพรรคเพื่อไทย แต่กลับต้องมารับผิดชอบการกระทำ เพราะเป็นผู้เสนอโปรดเกล้าฯ และรับสนองพระบรมราชโองการ จึงคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ดังนั้น หลังถูกศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนแล้ว นายเศรษฐาหลุดลอยจากความสนใจของสังคมและสื่อมวลชน โดยเป้าหมายใหม่ต้องติดตามอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าและนายชัยเกษม แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ที่ถูกเจ้าของบ้านเรียกผู้นำพรรคร่วมรัฐบาลไปประชุมให้สนับสนุนขึ้นเป็นนายกฯ คนใหม่คนที่ 31 ทั้งที่มีปัญหาสุขภาพที่จำกัด และไม่เอื้ออำนวยให้ทำงานหนักได้

“คนที่ทำให้คุณเศรษฐา มีอันเป็นไปแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะพูดกับคุณเศรษฐาอย่างไร แต่ผมเชื่อว่า คุณเศรษฐาจะไม่มีความสำคัญต่อเขาอีกต่อไป ส่วนเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นจากนี้ จะเป็นชะตากรรมที่คุณเศรษฐาจะรับผิดชอบไป" 

นายจตุพร ถามว่า ทำไมต้องเอานายชัยเกษม อดีตอัยการสูงสุด ขึ้นมาเป็นนายกฯ คนใหม่ ทั้งที่มีเรื่องราวการทำงานในอดีต และเกี่ยวข้องกับคดีที่นายเศรษฐา พ้นไปด้วยไม่ว่าทางตรงหรืออ้อม เพราะมีเหตุเพียงแค่ไม่กล้าให้อุ๊งอิ๊งค์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และลูกสาวของตัวเองขึ้นเป็นนายกฯ 

"ถ้าอุ๊งอิ๊งค์เป็นนายกฯ ผมเชื่อว่า แม่คงไม่ยอมให้มาเป็นตัวเร่งสถานการณ์ ซึ่งแตกต่างจากนายเศรษฐา แม้ไม่มีคนรัก แต่ก็ไม่มีคนเกลียดเข้าไส้ ราวกับเป็นคนไร้ตัวตน สังคมไม่มีความรู้สึกผูกพันดเสียดาย หากเป็นอุ๊งอิ๊งค์ เธอมีบุคลิกพิเศษที่เรียกความชิงชังได้เร็วมาก" 

พร้อมยกตัวอย่างการพูดทางการเมืองในอดีตว่า อุ๊งอิ๊งค์ปราศรัยหาเสียงบนเวทีต่างๆ แสดงออกทั้งตัวกับสัญญาประชาชน โดยเน้นปิดสวิตซ์ 3 ป. และ สว. พร้อมให้ดูหน้าจดจำเป็นสิ่งรับประกันคำพูดทางการเมืองไว้ว่า ที่พูดเป็นความจริง แต่ที่สุดผลลัพธ์ออกมาเป็นตรงกันข้าม จึงทำให้อารมณ์คนไทยหมั่นไส้ สิ่งนี้ย่อมเป็นตัวเร่งสถานการณ์ที่เร็วมาก 

นายจตุพร กล่าวว่า ยิ่งอุ๊งอิ๊งค์มาเป็นนายกฯ แล้วผลักดัน ดิจิทัล วอลเล็ต สานงานขายคอนโดฯ ให้ต่างชาติ 99 ปี และหนุนให้เกิดบ่อนกาสิโนต่อ แล้วยังดันโครงการแลนด์บริดจ์ต่อด้วย จึงไม่เป็นผลดีต่อการทำงานทางการเมืองแน่นอน สิ่งนี้คงทำให้นายทักษิณ ผู้เป็นพ่อคงไม่กล้าส่งมาเป็นนายกฯ มาเป็นตัวเร่งสถานการณ์ความหมั่นไส้ ดังนั้นให้นายชัยเกษม เป็นนายกฯ ย่อมดีกว่าให้ลูกสาวมาเสี่ยงติดคุก 

"ถึงวันนี้ ผมไม่รู้แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลคิดอย่างไร แต่สมควรหรือไม่กับนักโทษที่อยู่ระหว่างพักโทษและต้องคดี มาตรา112 เรียกบรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ไปคุยในบ้านได้ เราจะตั้งรัฐบาลกับคนเลี้ยงหลานแบบนี้เหรอ เอากันแบบนี้เหรอ ถามกันจริงๆ เพราะพรรคการเมืองบุคคลภายนอกเข้าไปแทรกแซงไม่ได้ แต่คนนี้ใหญ่กว่าทุกพรรค สื่อถ่ายภาพหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้ามายืนยันเต็มไปหมดแล้ว" 

คนที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิตในคดีทุจริต ศาลอาญาตัดสินลงโทษ 12 ปี นับพร้อมเหลือ 8 ปี และได้รับอภัยลดโทษติดคุก 1 ปี แต่ไม่ย่อมเข้าคุกสักวัน ซึ่งรายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ชัดเจนว่า มีสองหน่วยงานเอื้อประโยชน์ไม่ให้ติดคุก 

นายจตุพร กล่าวย้ำว่า นักโทษสั่งให้แกนนำพรรคร่วมไปประชุมบ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อสนับสนุนให้นายชัยเกษม คนที่เมื่อครั้งเป็นอดีตอัยการสูงสุดเคยสั่งไม่ฟ้องนายทักษิณ ในคดีสำคัญมาแล้ว แล้วการตั้งรัฐบาลเช่นนี้ยังไปจัดที่บ้านจันทร์ส่องหล้าได้อย่างไรกัน ทั้งที่เจ้าของบ้านขออนุญาตไปต่างประเทศศาลอาญายังไม่อนุญาตเลย 

"อยากให้สังคมไทยตั้งสติว่า บ้านเมืองจะเดินไปได้อย่างไร เมื่อนายชัยเกษม มาก็ต้องเดินหน้าดิจิทัล วอลเล็ตต่อ เอาบ่อนต่อ เอาคอนโด 99 ปี 75% ต่อ เอาแลนด์บริดจ์ให้เช่าที่ดิน 3 แสนไร่ 99 ปีต่อ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ผ่านการหาเสียงมาเลย ถ้าอ้างว่านโยบายหาเสียงแล้วคงได้ไม่กี่คะแนนเสียงแน่" 

นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าพรรคอื่นเป็นนายกฯ คงให้ยกเลิก ดิจิทัล วอลเล็ต แล้วแจกเป็นเงินสดแทนกระแสนิยมทางการเมืองจะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้น พรรคเพื่อไทยควรทบทวนการหาเสียงทางการเมืองว่า สัญญากับประชาชนไว้อย่างไร ไม่ร่วมกับใครแล้วสุดท้ายมาตระบัดสัตย์ เมื่อเริ่มโกหกจึงต้องตระบัดสัตย์กันต่อไป แล้วไม่มีผลงานที่เพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล ซ้ำร้ายคนกันเองยังทำร้ายนายเศรษฐา ในทางการเมือง จนต้องพ้นจากนายกฯ ด้วย ประเทศไทยต้องมาก่อน

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม