ทำตามสัญญา! "ไทด์ " เข้าเยียวยาให้กำลังใจชาวแพร่หลังน้ำลด มอบของยังชีพให้ผู้ประสบภัย

31 ส.ค. 67

ทำตามสัญญา! "ไทด์ เอกพันธ์" เข้าเยียวยาให้กำลังใจชาวแพร่ หลังน้ำลด ด้านชาวบ้านเผยชีวิตเหมือนเริ่มนับหนึ่งใหม่ ทรัพย์สินเสียหายยับเยิน ไม่เว้นแม้แต่จานช้อนกินข้าว

31 ส.ค.67 มูลนิธิร่วมกตัญญูนำโดย คุณเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ หัวหน้าอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู พร้อมกับคณะเดินทางต่อจากจังหวัดสุโขทัย กลับมายังชุมชเชตวันและชุมชนร่องขี้ปลา ในอำเภอเมืองจังหวัดแพร่ ซึ่งเป็นชุมชนขนาดใหญ่ติดแม่น้ำยมและเคยถูกน้ำท่วมสูงเสียหายหนักเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยการลงพื้นที่ในครั้งนี้พบว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงเก็บกวาดล้างทำความสะอาดบ้านพักกันยังไม่แล้วเสร็จ ขณะที่ภายในตรอกซอกซอยต่างๆตามหน้าบ้านพักพบกองขยะจำนวนมากซึ่งเป็นขยะจากครัวเรือนไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ในบ้านต่างๆรวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์ที่พังเสียหายและใช้งานไม่ได้ถูกนำมากองรวมเพื่อรอหน่วยงานท้องถิ่นมาเก็บไปทำลาย

8_17

โดยทาง ด้านคุณไทด์ เอกพันธ์ ได้นำถุงยังชีพน้ำดื่มและเงินเยียวยาครอบครัวละ 1,000 บาท มามอบให้กับทางครอบครัวที่ถูกน้ำท่วมรวมแล้วเกือบหนึ่งร้อยชุด รวมเงินประมาณ 50,000 บาท ซึ่งคุณไทด์ระบุว่าสาเหตุที่ต้องกลับมายังชุมชนเชตวันแห่งนี้อีกครั้ง ก็เพราะว่าก่อนหน้านี้ที่ตนเองและมูลนิธิร่วมกตัญญูเดินทางมาช่วยเหลือชาวแพร่ช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมา และมีบ้านบางหลังบางครอบครัวที่ตนเองและมูลนิธิร่วมกตัญญูยังเข้าไปช่วยเหลือไม่ถึง ซึ่งตนเองได้รับปากสัญญากับชาวบ้านไว้ว่าจะย้อนกลับมาอีกครั้งหลังจากเสร็จช่วยน้ำท่วมที่สุโขทัยจึงกลับมาทำตามสัญญาต่อชาวบ้าน

ขณะที่ผู้ประสบภัยในชุมชนดังกล่าวพาผู้สื่อข่าวไปดูสภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นหลังน้ำลดพร้อมทั้งกล่าวทั้งน้ำตาว่า ชีวิตแต่ละครอบครัวในชุมชนร่องขี้ปลาและชุมชนเชตวันนั้นเปรียบเสมือนต้องเริ่มต้นชีวิตนับหนึ่งกันใหม่อีกครั้งหลังจากเกิดความเสียหายอย่างหนักในบ้านพัก โดยเฉพาะข้าวของเครื่องใช้ไม่เว้นแม้แต่ถ้วยชาม ช้อน พัดลม เครื่องใช้ไฟฟ้าที่พังและสูญหายไปกับน้ำจนแทบไม่เหลือ

9_22

บางหลังจากถ้วยชามมีครบปัจจุบันหลังน้ำลดเหลือเพียงไม่ถึงสิบชิ้นแถมยังไม่เข้าเกณฑ์การเยียวยาจากภาครัฐ จะต้องหาซื้อกันใหม่เองทั้งหมดแม้แต่ที่นอน ขณะที่คุณป้า หนึ่งในผู้ประสบภัยบอกว่า วันเกิดเหตุน้ำมาแรงและมาเร็วจนตั้งตัวไม่ทันทุกคนในบ้านหยิบยกสิ่งของไม่ทันและต้องหนีเอาชีวิตรอดจากกระแสน้ำติดค้างกันในบ้านชั้นสอง ถือว่าเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมในจังหวัดแพร่ที่มากกว่าปี 54 เลยทีเดียว ขณะที่บ้านบางหลังที่มีเพียงคนแก่อยู่บ้านเพียงลำพังได้แต่นั่งมองสภาพบ้านตนเองที่มีแต่ดินโคลนแต่ล้างทำความสะอาดได้ไม่เต็มที่เพราะอายุมาก บางหลังต้องให้ลูกหลานที่ไปทำงานต่างจังหวัดลาหยุดงานกลับมาช่วยเก็บกวาดล้างบ้านพักใหม่ทั้งหลัง ขณะนี้ผ่านมาจนครบสัปดาห์แล้วยังล้างกันไม่เสร็จ

advertisement

ข่าวยอดนิยม