อึ้ง! ยายเพชรบูรณ์วัย 92 และหลานชายวัย 33 ปี ไม่มีบัตรประชาชน กลัวชวดไม่ได้เงินหมื่น เผยไม่เคยได้รับสิทธิอะไรเลยจากรัฐ
วันที่ 21 ก.ย. 67 น.ส.สายัน พรมเท้า อายุ 92 ปี ชาวบ้านหมู่ 9 ต.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน ทำให้ตนเองไม่เคยมี หรือได้รับสิทธิในการช่วยเหลือจากทางภาครัฐ ในฐานะของคนไทยคนหนึ่ง ทั้งเงินเดือนผู้สูงอายุ, บัตรทำการรักษา (บัตรทอง) หรือบัตร 30 บาท รักษาทุกโรคที่ผ่านมาไม่เคยได้รับเงินจากทางภาครัฐที่แจกให้กับประชาชน
ทั้งเงินโครงการคนละครึ่ง ที่ทางรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แจกจ่ายให้กับประชาชน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และล่าสุดโครงการแจกเงิน ดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาทที่รัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เตรียมแจกให้กับประชาชน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจก็ดูท่าจะไม่ได้รับเช่นกันทำให้ตนเองเกิดความกังวลว่าจะไม่ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวเหมือนที่ผ่านมา
โดย น.ส.สายัน เปิดเผยว่า เกิดที่โรงพยาบาลทับคล้อ จ.พิจิตรแล้วย้ายตามพ่อแม่มาอยู่ในพื้นที่ อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ ตั้งแต่อายุ 13 ปี ซึ่งปัจจุบันตนเองได้อาศัยเช่าบ้านอยู่กับนายพยุง กองหนุน อายุ 33 ปี ผู้เป็นหลานชาย ซึ่งตัวหลานชายก็ยังไม่เคยทำบัตรประชาชน หรือเคยมีบัตรประจำตัวประชาชนเช่นกัน โดยฝ่ายหลานชายนั้นเกิดที่โรงพยาบาลบ่อทองจ จ.ชลบุรี แล้วกลับมาอยู่กับยายตอนที่โตเป็นหนุ่มแล้ว โดยหลานชายปัจจุบันก็ยังไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง ส่วนตนเองก็อายุมากแล้วรายได้หลักจึงมาจากพี่น้องที่พอจะโอนมาให้ใช้จ่ายเป็นค่าเช่าบ้าน ซึ่งก็จะไม่ได้เงินทุกเดือน วันนี้จึงอยากจะได้บัตรประจำตัวประชาชน เพื่อจะได้รับสิทธิในการรักษาพยาบาล เพราะทุกครั้งที่เกิดเจ็บป่วยต้องเข้ารับการรักษาก็จะมีค่าใช้จ่ายที่สูง และต้องการการช่วยเหลือจากทางภาครัฐบาลเหมือนกับคนไทยคนอื่นๆ ที่ได้รับ
ด้านนายพยุง กองหนุน อายุ 33 ปี ผู้เป็นหลานชาย กล่าวว่า ตนเองเกิดที่ จ.ชลบุรีตั้งแต่เกิดมาไม่เคยทำบัตรประชาชน เนื่องจากพ่อแม่ทำใบเกิดหาย ตนเองนั้นยังไม่เคยไปติดต่อที่ว่าการอำเภอ ส่วนเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ที่เขาจะแจกตนเองก็อยากจะได้รับ แต่เพราะไม่มีบัตรประชาชนจึงคาดว่าจะไม่ได้รับเหมือนชาวบ้าน วันนี้อยากได้บัตรประชาชน และยืนยันว่าตนเองเป็นคนไทย เกิดที่เมืองไทย ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าให้ตนเองไปติดตามใบเกิดที่โรงพยาบาลที่ตนเองเกิด แต่จะต้องเดินทางไปที่ จ.ชลบุรี ซึ่งก็ลำบากมาก
ขณะที่นายสังยุติ นามบุรี กำนันตำบลบึงสามพัน กล่าวว่า ตัวคุณยายนั้นเป็นลูกบ้านของตนเอง เบื้องต้นตนเองได้สอบถามข้อมูลว่าทำไมถึงไม่มีบัตร เขามีญาติหรือไม่ ซึ่งตนเองจะได้ดำเนินการได้ถูกต้อง และจะได้ประสานกับทางที่ว่าการอำเภอให้ถูกต้อง ซึ่งมันก็จะมีขั้นตอนเหมือนกับคนไทยทั่วไป ส่วนตัวคุณยายนั้นตนเองเคยพบเห็นมาก่อน แต่ยายก็จะย้ายไม่เป็นหลักแหล่ง
ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเองก็ยังไม่เคยทราบว่ายายไม่มีบัตรจน มาทราบภายหลังตนจึงได้ติดตามมา เพื่อจะได้ให้ความช่วยเหลือ
ด้านนางหนูคิม สมหา อายุ 65 ปี เพื่อนบ้าน กล่าวว่า ลูกสาวตนเองได้ไปแจ้งให้กับทางกำนันทราบ เพราะความสงสารตัวคุณยาย ที่ผ่านมาตัวน้องสาวไม่ยอมรับตัวคุณยาย เพราะไม่ถูกกัน พี่น้องเขารวย แต่ไม่มีใครยอมรับแกสักคน ตนเองนั้นสงสารยาย และยืนยันว่ายายเป็นคนไทย
