"เสรีพิศุทธ์" ไม่เงียบ โผล่ให้ข้อมูลชั้น 14 ต่อป.ป.ช.แล้ว

24 ก.ย. 67

จตุพร เผย "เสรีพิศุทธ์" ไม่ได้เงียบ ล่าสุดโผล่ให้ข้อมูลต่อ ป.ป.ช.แล้ว  ปม ทักษิณ พักชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ

กรณีก่อนหน้านี้พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เปิดข้อความแชตไลน์ ยืนยันการเข้าพบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจ ขณะนอนพักรักษาตัวภายนอกเรือนจำ ภายหลังจากที่นายทักษิณ เคยปฏิเสธเรื่องดังกล่าวกับสื่อมวลชน พร้อมเตรียมแฉอาการเจ็บป่วยของอดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านการให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ก่อนประกาศกร้าวว่าคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ตั้งแต่ระดับรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จะต้องรับผิดชอบ 

ซึ่งชาวเน็ตหลายคนมองว่าเรื่องดังกล่าวทำไมเงียบไปแล้ว

 1727160521239

ล่าสุดวันที่ 23 ก.ย.67 นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน เปิดเผยในรายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "หาแต่เรื่อง!"

ระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนได้ไปออกรายการแห่งหนึ่ง และ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ซูมเข้ามาพูดคุยกันในรายการ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ บอกว่าเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาได้ไปให้ถ้อยคำกับทาง ป.ป.ช.เป็นที่เรียบร้อย พร้อมเอกสารทุกชิ้น รายละเอียดทุกชิ้น และที่บอกว่าเขาไปพบนายทักษิณ 2 ครั้ง นั้น ความจริงไป 2 คนทั้ง 2 ครั้งจริง เพียงแต่ว่าคนที่ 2 (คนที่ไปด้วย) ครั้งที่หนึ่งกับครั้งที่สอง เป็นคนละคนกัน 

เพราะฉะนั้นสิ่งที่มันเป็นประจักษ์และชัดเจนในเรื่องนี้ ตั้งแต่เจ้าหน้าที่รัฐ เจ้าหน้าที่ของทางราชทัณฑ์ และเรื่องราวต่างๆที่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ พูดมาก่อนหน้านี้แล้ว ก็พูดในสิ่งที่ตนเคยพูดมาก่อนหน้านี้ว่า เขาได้รับเหรียญรามาฯ เหรียญกล้าหาญ ที่ต้องถวายสัตย์ต่อพระเจ้าแผ่นดินและราชวงศ์ เพราะฉะนั้นนี่เป็นคำตอบว่าเขาจะกลับหลังหันไม่ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อมีการยกเรื่องเกียรติภูมิในชีวิตมานั้น อย่างไรก็ให้เชื่อในเรื่องนี้ว่า คนลักษณะนี้ก็ต้องเดินหน้า และหน้าที่เขาก็จบระดับนึงแล้ว เพราะว่าได้ไปให้ถ้อยคำกับป.ป.ช.ครบถ้วนเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา

ดังนั้นในทางลับ ป.ป.ช. เขาก็สอบสวนไปเรื่อยๆ ทีนี้คนต้องสงสัยว่า แล้วภาพจากกรมราชทัณฑ์ล่ะ 2,160 รูปภาพ ที่อยู่ในวงจรปิดชั้น 14 และบริเวณใกล้เคียงนั้นจะว่ายังไง

โดยส่วนตัวคิดว่าภายในเดือนนี้ เผื่อเหลือเผื่อขาดเล็กน้อย ตนว่าเขาจะส่งให้กรรมการสิทธิ์ เพื่อจะส่งให้ ป.ป.ช.ต่อไป แม้ว่าภาพจะไม่ส่ง จากโรงพยาบาลตำรวจ หรือ จากกรมราชทัณฑ์เองก็ตาม ป.ป.ช.ก็ต้องมีหน้าที่ ตั้งแต่ชั้นอนุฯ ส่งไปให้ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ส่งฟ้องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป

ดังนั้นยังไงก็ตามในเรื่องนี้ ที่คิดว่าไม่ส่งหลักฐาน ไม่ใช่ ป.ป.ช.ไม่ออกมาเอง ก็ขอศาลท่านออกหมาย ยังไงก็หนีไม่รอด ยิ่งไม่ส่งยิ่งกระทำความผิด ยิ่งจนมุมกับสภาพ เพราะว่าการถ่ายภาพ 2,160 ภาพถือว่าเป็นหน้าที่ ที่ไม่มีทางเป็นอื่นได้และเป็นระเบียบ และหากศาลขอเอกสารนำสืบมันไม่เป็นความลับอยู่แล้ว และรวมกระทั่งภาพที่อยู่ในวงจรปิดชั้น 14 และส่วนที่เกี่ยวข้องต่างๆ มันมีสถานที่อื่นใดหรือว่าจุดต่างๆบริเวณใกล้เคียง

ดังนั้นเรื่องราวนี้เราคงจะได้เห็น แต่ตนเชื่อว่าภายในเดือนตุลาคมนี้ เรื่องน่าจะไปถึงศาล ภายในเดือนพฤศจิกายนคงเห็นหน้าเห็นหลัง ว่าผลลัพธ์เรื่องนี้จะเป็นยังไง เพราะในความเป็นจริงนั้นถ้าดูรายงานฉบับเต็มทั้ง 2 ของกรรมการสิทธิ์ ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาไม่เชื่อว่า ป่วยที่มีความจำเป็นจะต้องรักษาตัวถึง 181 วัน เพราะโรงพยาบาลตำรวจ คือ สวรรค์ของบรรดาผู้ต้องขัง 

ตั้งแต่ขั้นตอนแรกรับที่เรือนจำ มันมีข้อพิรุธมากมายอยู่แล้วว่าเป็นไปตามขั้นตอนหรือไม่ ภาพความชุลมุนก่อนที่ใช้ดุลยพินิจส่งโรงพยาบาลตำรวจนั้นอยู่ภายใต้กล้องหมด ไม่มีจุดไหนที่ไม่มีกล้องวงจรปิด รวมไปถึงห้องพักในโรงพยาบาล ยังไงก็มีกล้องวงจรปิดอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตามหนีกันไม่รอดอยู่แล้ว เมื่อหัวก็คือคุณทักษิณไม่รอด หางอย่างคนอุ๊งอิ๊งค์เอง ทุกคนก็รู้กันหมดว่าถ้าไม่มีคุณทักษิณ คุณอุ๊งอิ๊งค์ก็ไปไม่ได้อยู่แล้วในทางการเมือง เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องความสามารถเฉพาะตัว ทุกคนก็รู้ปลายทางรู้คำตอบว่าอยู่แล้ วเพียงแต่ว่าถ้าจากนี้ไป สองเดือนหน้าตนว่าเห็นหน้าเห็นหลัง พอเดือนที่ 3 ก็ถึงคิวคุณอุ๊งอิ๊งค์.

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวการเมือง เป็นกระแส