รวบวัยรุ่นสร้างตัว ร่ำรวยเร็วผิดปกติ ที่แท้เปิดเว็บพนันออนไลน์

26 ก.ย. 67

รวบวัยรุ่นสร้างตัว ร่ำรวยเร็วผิดปกติ ผันตัวจากเจ้ามือหวย มาเปิดเว็บพนันออนไลน์ เงินหมุนเวียน 4 เดือน 50 ล้านบาท

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดปฏิบัติการทลายเว็บพนัน วัยรุ่นสร้างตัว ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พร้อมเจ้าพนักงานตำรวจชุดปฏิบัติการ กก.5 บก.ป.ได้ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา จำนวน 4 ราย ดังนี้

  1. น.ส.ออนอุมา
  2. น.ส.กาญจนา
  3. นายเจษฎากร
  4. น.ส.ศิริตา

โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนัน (บาคาร่า, สลากกินรวบ) ในการเล่นผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจาก

เจ้าพนักงาน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน” พร้อมของกลางและสิ่งของที่ถูกตรวจยึด

  1. อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ ที่ใช้บริหารจัดการเว็บไซต์ จำนวน 5 รายการ
  2. บัตรกดเงินสดจำนวน 52 ใบ

สถานที่จับกุม

จับกุมผู้ต้องหาที่ 1 ได้ที่บ้านพักใน ม.5 ต.หนองแวง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี

จับกุมผู้ต้องหาที่ 2 ได้ที่บ้านพักใน ม.1 ต.นาชะอัง อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร

จับกุมผู้ต้องหาที่ 3 ได้ที่บ้านพักใน ม.5 ต.หาดพันไกร อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร

จับกุมผู้ต้องหาที่ 4 ได้ที่หน้าคอนโด ม.10 ต.วัดประดู่ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี

1727332360228

พฤติการณ์ ตามนโยบายกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้ดำเนินการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการพนัน

จึงได้มีการสั่งการให้กองบังคับการปราบปราม สืบสวนจับกุมเว็บไซต์พนันออนไลน์ ซึ่งจากข้อมูลเบาะเเสที่ได้รับเเจ้งและจากการ

ตรวจสอบทราบว่า มีผู้เกี่ยวข้องเป็นกลุ่มคนที่มีอายุช่วงวัยรุ่นถึงวัยทำงาน มีฐานะร่ำรวยผิดปกติภายในช่วงระยะเวลาไม่นาน

และจากการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน พบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 50 ล้านบาท ในช่วงระยะเวลา 4 เดือน (ตั้งแต่

ม.ค.67-เม.ย.67) เจ้าหน้าที่จึงทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนพบพยานหลักฐานอื่นซึ่งน่าเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์จริง จึงนำไปสู่การขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องจำนวน 4

ราย และขอหมายค้นสถานที่ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์จำนวน 6 จุด ในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี, จังหวัดชุมพร และ

จังหวัดสุราษฎร์ธานี

 1727332301089

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. จึงนำกำลังลงพื้นที่ติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดดังกล่าว โดยสามารถติดตามจับกุม

ผู้ต้องหาในคดีนี้ได้ทั้ง 4 ราย จากนั้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

จากการสอบถามคำให้การเบื้องต้นทราบว่า ผู้ต้องหารับว่าได้กระทำความผิดจริง โดยเเต่ก่อนเคยเป็นเจ้ามือหวยและได้

ผันตัวมาทำเว็บไซต์พนันออนไลน์ทุกรูปแบบ เช่น สล็อต, บาคาร่า, ไพ่โป๊กเกอร์, ฟุตบอล ซึ่งมีการแบ่งหน้าที่กันทำในลักษณะเป็น

ขบวนการ เริ่มตั้งแต่คนจัดหาบัญชีม้า, คนทำเว็บพนัน (แอดมิน), คนทำบัญชี และคนฝาก-ถอนเงิน โดยแต่ละกลุ่มได้รับผลประโยชน์เป็นทรัพย์สินในลักษณะแตกต่างกัน

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จึงฝากเตือนภัยถึงกลุ่มที่ลักลอบจัดให้มีการเล่นการพนันในรูปแบบต่างๆ ทางภาครัฐ มีนโยบายปราบปรามและจับกุมอย่างต่อเนื่อง โดยจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และถูกยึดทรัพย์ในที่สุด ทั้งนี้ผู้ที่กระทำความผิดดังกล่าวจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายดังนี้

- พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478

มาตรา 4 ห้ามมิให้อนุญาตจัดให้มี หรือเข้าเล่นพนันในการเล่นอันระบุไว้บัญชี ก. ท้ายพระราชบัญญัตินี้ ประกอบด้วย มาตรา

12 ผู้ใดจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันใน

การเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน

อัตราโทษ ระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

- พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปราบการฟอกเงิน พ.ศ.2542

มาตรา 3 (9) ความผิดมูลฐาน หมายความว่า ความผิดเกี่ยวกับการพนัน เฉพาะความผิดเกี่ยวกับการเป็นผู้จัดให้มีการเล่น

พนันโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมีวงเงินในการกระทำความผิดรวมกันมีมูลค่าตั้งแต่ห้าล้านบาทขึ้นไป หรือเป็นการจัดให้มีการเล่นพนัน

ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์”

อัตราโทษ ระวางโทษ ปรับระหว่าง 20,000 - 2 00,000 บาท จำคุก 1-10 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ อายุความ 15 ปี

มาตรา ๙ ผู้ใดสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน

อัตราโทษ ระวางโทษกึ่งหนึ่งของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น

หากเปิดบัญชีม้าจะมีผลกระทบที่ตามมา ทั้งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และอาจถูกนำไปใช้ในธุรกิจสีเทา ซึ่งจะถูก

ดำเนินคดีตามกฎหมาย ดังนี้

- พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566

มาตรา 9 ผู้ใดเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่น ใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดย

มิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนเองหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการ

โทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

หรือความผิดทางอาญาอื่นใด

อัตราโทษ ระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 10 ผู้ใดเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใด ๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก

บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิด

ทางอาญาอื่นใด อัตราโทษ ระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 2-5 ปี หรือ ปรับตั้งแต่ 2 แสน – 5 แสนบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส