แม่ใบหนาด ขอโทษลูกค้า หลังหลอก 500 เหยื่อ ก่อนโดนจับฉ้อโกงขายทองทิพย์

9 ต.ค. 67

แม่ใบหนาด ผู้ต้องหาฉ้อโกง ขอโทษลูกค้า พร้อมรับผิดชอบ หลังหลอก 500 เหยื่อ ขายทองทิพย์ เสียหายกว่า 85 ล้าน เจ้าตัวขอให้การในชั้นศาล

วันที่ 9 ต.ค.67 ความคืบหน้ากรณี นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม นำผู้เสียหายนับร้อยราย บุกร้องเรียน ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายพรมธาดา นาคเจริญ หรือ แม่ใบหนาด กรรมการบริษัทห้างเพชรทอง ธาดาโกลด์ หลังถูกหลอกซื้อทองคำ 

โดยมีกลุ่มผู้เสียหายทั้งหมด 500 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 85 ล้านบาท ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว แม่ใบหนาด มาถึง บช.สอท. เมืองทองธานี เวลา 12.51 น. เพื่อสอบปากคำและดำเนินคดี หลังเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ตำรวจไซเบอร์ได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านพักของ แม่ใบหนาด ในพื้นที่ตำบลลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี และจับกุม แม่ใบหนาด ตามหมายจับ 

ทั้งนี้ พล.ต.ต.จิรวัฒน์ ผดุงธรรม รองผบช.สอท. รักษาราชการแทน ผบช.สอท. เปิดเผยว่า การจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มผู้เสียหายเดินทางมาร้องเรียนที่ บช.สอท. ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาหลังมีพฤติการณ์เข้าข่ายฉ้อโกง และเมื่อวานนี้ ชุดสืบสวนได้ไปขอศาลอาญาออกหมายจับในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ชุดสืบสวนได้เข้าทำการจับกุมดังกล่าว  

พล.ต.ต.จิรวัฒน์ กล่าวว่า จากการสอบปากคำเจ้าตัวให้การรับสารภาพ โดยก่อนหน้านี้นายพรมธาดา ประกอบอาชีพ ลูกจ้างร้านทองใน จ.สุราษฎร์ธานี และมีการเรียนรู้วิธีซื้อขายทอง จนกระทั่งในปี 2566 มีการจัดตั้งบริษัทเป็นของตัวเอง โดยมีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท และมีการเริ่มไลฟ์ขายของ และจูงใจให้คนมาซื้อด้วย การเสนอราคาที่ถูกกว่าตลาดประมาณร้อยละ 50 พร้อมอ้างว่า ตัวเองกำลังอยู่ระหว่างทำโรงงานขายทองและจะมีสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าที่มาสั่งซื้อทอง เพื่อสมนาคุณให้กับผู้ติดตามในสื่อโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์ม TikTok หากใครมาซื้อในระยะเวลาเร็วที่สุดก็จะได้ทองราคาถูก ขณะเดียวกันยังพบว่ามีการว่าจ้างอินฟลูเอ็นเซอร์ชื่อดัง ให้มาร่วมไลฟ์ ขายของด้วยจึงทำให้มีผู้หลงเชื่อเป็นจำนวนมาก รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาทก่อนจะยุติการขายในปี 2567 เนื่องจากราคาทองมีการเปลี่ยนแปลง 

พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รองผบช.สอท. กล่าวว่า สำหรับการตรวจสอบทรัพย์สินขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่พบข้อมูลว่ามีทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ นอกจากบ้าน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ซึ่งอยู่ระหว่างการผ่อนชำระ และบัญชีธนาคาร 3 บัญชี ซึ่งมีเงินคงค้างอยู่เพียงหลักหมื่นเท่านั้น ส่วนนี้จึงต้องตรวจสอบว่า ผู้ต้องหามีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน หรือมีพฤติการณ์เข้าข่ายฟอกเงินหรือไม่ เนื่องจากจากการตรวจสอบในบัญชีพบว่า มีเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างส่งข้อมูลให้สำนักงานป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ตรวจสอบ 

โดยภายหลังการสอบปากคำ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัว นายพรมธาดา ออกจากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อนำตัวไปสอบปากคำต่อ ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 ก่อนจะนำตัวไปฝากขังที่ สน.ทุ่งสองห้อง 

ระหว่างการควบคุมตัวนายพรมธาดา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ขอโทษลูกค้าทุกคน พร้อมที่จะรับผิดชอบ และจะให้การในชั้นศาล พร้อมตอบคำถามทีเดียว

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส